8 โรคผิวหนังผู้สูงอายุที่พบบ่อย เรื่องผิวๆ ของผู้สูงวัย

วันที่ 18-01-2023 | อ่าน : 578


     อายุที่เพิ่มขึ้นของผู้สูงวัย ส่งผลต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกาย ไม่เว้นแม้แต่ผิวหนัง เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น จะมีการเปลี่ยนแปลงของผิวหนัง และเพิ่มโอกาสในการเป็นโรคผิวหนังบางโรคได้มากขึ้น

การเปลี่ยนแปลงของผิวหนังของผู้สูงวัย
จะมีการเปลี่ยนแปลง ดังนี้

  • ผิวซีดลงเนื่องจากเซลล์สร้างเม็ดสี (melanocytes) ทำงานลดลง แต่จะมีการสะสมเป็นจุด ๆ โดยเฉพาะส่วนที่ถูกแสงแดดมาก ทำให้เกิดเป็นจุดสีน้ำตาลกระจายตามผิวหนังได้
  • เกิดเนื้องอกซึ่งเรียกว่า “กระเนื้อ” เพิ่มขึ้น  
  • ต่อมไขมันและต่อมเหงื่อทำงานลดลง ทำให้รูขุมขนกว้าง ผิวแห้ง เป็นขุย บางครั้งเกิดอาการคัน แพ้สิ่งต่าง ๆ ได้ง่าย
  • ผิวหนังบางลง คอลลาเจนและอีลาสตินลดลง ทำให้ผิวหนังยืดหยุ่นลดลง เกิดริ้วรอย ร่องแก้ม ร่องใต้ตา ผิวเปราะแตก ฉีกขาดเป็นแผลได้ง่าย
  • เมื่อเกิดแผลจะหายได้ช้ากว่าในวัยหนุ่มสาว
  • หลอดเลือดเปราะ ฟกช้ำ หรือมีเลือดคั่งใต้ผิวหนังได้ง่าย
  • เล็บแข็งและหนา สีเข้มขึ้น แต่เปราะ ผุ หักง่าย
  • การรับความรู้สึกที่ผิวหนังลดลง ง่ายต่อการเกิดอุบัติเหตุ
  • จากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ทำให้เกิดโรคผิวหนังหรือภาวะบางชนิดได้ง่ายขึ้น

8 โรคหรืออาการทางผิวหนังที่มักพบในผู้สูงอายุ
1. ผิวหนังเหี่ยวย่น
     เป็นการเปลี่ยนแปลงตามอายุ เกิดจากการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินบริเวณผิวหนังลดลง และมีปัจจัยกระตุ้นคือการใช้กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าในการแสดงอารมณ์ การถูใบหน้าแรง ๆ เป็นประจำ การสัมผัสแสงแดด     

วิธีป้องกัน

  • หลีกเลี่ยงแสงแดดหรือใช้ครีมกันแดดที่มี SPF ที่เพียงพอเมื่อจำเป็นต้องออกแดด
  • หลีกเลี่ยงการแสดงอารมณ์หรือลักษณะนิสัยที่ทำให้เกิดรอยย่น เช่น การขมวดคิ้ว การสูบบุหรี่ รวมถึงการถูบริเวณใบหน้าเป็นประจำ
  • การใช้ครีมเพื่อป้องกันริ้วรอย หรือการฉีดสารประเภทโบทูลินัม ทอกซิน (โบท็อกซ์) เพื่อป้องกันริ้วรอย

วิธีรักษา

     การใช้ครีมหรือโลชั่นอาจช่วยได้แต่เป็นส่วนน้อย อาจมีการฉีดสารเพื่อเติมเต็มร่องและริ้วรอยบริเวณใบหน้า การใช้แสงเลเซอร์ หรือการทำศัลยกรรมใบหน้า

2.  อาการคันจากผิวแห้ง (Xeroderma)  
     เกิดจากต่อมไขมันและต่อมเหงื่อทำงานลดลง ผิวหนังจึงแห้ง ขาดน้ำ ทำให้เกิดขุยและอาการคัน พบมากในบริเวณขา แต่อาจพบที่มือหรือลำตัว หากไม่ได้รับการรักษาอาจเกิดเป็นภาวะผิวหนังแห้งและอักเสบ (Xerotic eczema) เกิดการแดง ลอก และคันมากขึ้น ผู้ป่วยอาจเกาจนทำให้เกิดแผลบริเวณผิวหนังซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้

วิธีป้องกัน  

  • ไม่อาบน้ำนานเกินไป ใช้น้ำอุ่นแต่ไม่ร้อนจนเกินไป ไม่อาบน้ำบ่อย และไม่ขัดถูผิวหนังแรง ๆ
  • ใช้สบู่ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับผิวแห้ง
  • ทาโลชั่นเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว หรือครีมที่มีส่วนผสมของยูเรีย (Urea cream)
  • หากอากาศแห้งควรใช้เครื่องเพิ่มความชื้น
  • หลีกเลี่ยงการเกาเนื่องจากอาจทำให้เกิดแผลและติดเชื้อได้  

วิธีรักษา

     โดยทั่วไปอาการมักดีขึ้นหากผิวหนังได้รับความชุ่มชื้นอย่างเพียงพอ แต่หากอาการคันยังมีอย่างต่อเนื่องควรปรึกษาแพทย์เนื่องจากอาจเป็นอาการเริ่มต้นของโรคอื่น ๆ เช่น พร่องฮอร์โมนไทรอยด์ การแพ้หรือผลข้างเคียงของยาบางชนิดได้

3. ผื่นคันจากการแพ้ (Atopic dermatitis)
     พบได้มากในผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว เช่น ภูมิแพ้ หอบหืด ผื่นคันจากการแพ้เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ฝุ่นละออง สารเคมี อาหารทะเล สัตว์เลี้ยง อุณหภูมิ หรือยาที่ใช้ประจำ ผื่นคันมักเป็นบริเวณข้อพับ เป็นผื่นแดง นูน และก่อให้เกิดอาการคันมาก

วิธีป้องกัน

  • สังเกตและพยายามหลีกเลี่ยงสารที่ทำให้เกิดการแพ้  หากไม่พบสาเหตุหรือเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาทำการทดสอบและรักษา โดยการค่อย ๆ ปรับเพิ่มการสัมผัสกับสารที่ทำให้เกิดการแพ้ (desensitization)

วิธีรักษา

     หากเป็นในบริเวณไม่มาก สามารถรักษาด้วยการทายาสเตียรอยด์ได้ แต่หากเป็นในบริเวณกว้างการทายาสเตียรอยด์อาจไม่ครอบคลุม อาจพิจารณาใช้ยากลุ่มยาแก้แพ้แต่ต้องระวังผลข้างเคียงทางระบบประสาท เช่น ง่วงซึม การใช้ยาสเตียรอยด์แบบรับประทานควรใช้เมื่อมีข้อบ่งชี้ในการใช้เท่านั้น

4. ผิวหนังเปลี่ยนสี จุดด่างดำในผู้สูงอายุ (Senile lentigo หรือ Age spots)
     เกิดจากการรวมตัวของเม็ดสีผิดปกติในผิวหนัง มีลักษณะเป็นสีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงเข้ม ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางโดยทั่วไปจะเล็กกว่า 5 มิลลิเมตร โดยจะพบมากในผู้มีประวัติครอบครัวมีผิวหนังเปลี่ยนสีมาก่อน และจะเพิ่มมากขึ้นตามอายุโดยเฉพาะบริเวณที่สัมผัสกับแสงแดด เช่น คอ หน้า และหลังมือ

วิธีการป้องกัน

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสลมและแสงแดดเนื่องจากเป็นตัวกระตุ้นโดยตรงของภาวะนี้

วิธีรักษา

     โดยทั่วไปมักไม่มีอันตรายจึงไม่ต้องรักษา เว้นแต่เพื่อความสวยงาม แต่หากเส้นผ่านศูนย์กลางมีขนาดใหญ่มาก มีการนูนผิดปกติ หรือมีความไม่สม่ำเสมอของสี ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยแยกโรคมะเร็งผิวหนัง

5. สิวในผู้สูงอายุ (Senile comedone)
     เป็นลักษณะสิวอุดตันหัวปิด เห็นเป็นจุดสีดำเล็ก ๆ รวมตัวกัน หรือเป็นสิวหัวเปิดสีขาว โดยไม่ค่อยมีลักษณะการอักเสบ มักพบบริเวณตาและโหนกแก้มที่ถูกแสงแดดมาก  

วิธีการป้องกัน

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดด ใช้ครีมกันแดดโดยเฉพาะชนิดที่ไม่มีน้ำมันเมื่อจำเป็นต้องออกแดด

วิธีรักษา

     ทำความสะอาดบริเวณที่เป็นด้วยน้ำสะอาดและสบู่อ่อนวันละสองครั้ง อาจพบแพทย์เพื่อพิจารณาสั่งยาทาประเภท Retinoid อาจใช้การรักษาโดยการจี้แต่อาจกลับมาเป็นซ้ำได้

6. กระเนื้อ (Seborrhoeic keratoses)
     มีลักษณะนูน กลมหรือรี สีเข้ม มักพบบริเวณใบหน้า อก คอ หลัง อาจมีอาการคันได้เล็กน้อย

วิธีการป้องกัน

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดด

วิธีรักษา

     โดยทั่วไปมักไม่มีอันตรายจึงไม่ต้องรักษา เว้นแต่เพื่อความสวยงาม โดยแพทย์จะรักษาด้วยเลเซอร์ CO2  หรือความเย็นจี้ อย่างไรก็ตาม กระเนื้ออาจมีขนาดใหญ่และแยกออกยากจากมะเร็งผิวหนัง จึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการตรวจและแยกโรค

7. แผลและการติดเชื้อ
     เนื่องจากผู้สูงอายุจะมีผิวหนังที่บางและเปราะ ฉีกขาดง่าย จึงเกิดแผลได้ง่าย และเมื่อมีแผลก็อาจเกิดการติดเชื้อได้ง่ายเนื่องจากภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานลดลง

การป้องกัน

  • ระวังกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดแผล หลีกเลี่ยงการจับ ถู กระแทกผิวหนังแรง ๆ สวมใส่เสื้อผ้าที่นุ่มปกคลุมผิวหนังเพื่อป้องกันการเกิดแผล

การรักษา

     หากมีแผลควรทำความสะอาดแผลให้สะอาด ป้องกันการติดเชื้อ อาจไปพบแพทย์เพื่อรักษาและพิจารณาสั่งยาฆ่าเชื้อ รับประทานอาหารที่มีสารอาหารอย่างเพียงพอเพื่อช่วยในการหายของแผล

8. มะเร็งผิวหนัง
     พบได้หลายชนิด สัมพันธ์กับกรรมพันธุ์และการถูกแสงแดด

วิธีการดูแลผิวหนังสำหรับผู้สูงวัย

  • เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมในการดูแลผิว โดยเลือกชนิดที่อ่อนโยน ไม่มีน้ำหอม และมีความชุ่มชื้น เช่น ครีม Sixtysense  
  • อาบน้ำที่มีอุณหภูมิอุ่นพอดี
  • เว้นการขัดถูอย่างรุนแรงที่บริเวณผิวหนัง
  • เช็ดตัวแค่พอหมาดก่อนใช้มอยส์เจอไรเซอร์หรือครีมบำรุงผิว  
  • ใช้เครื่องสร้างความชื้น (humidifier) เมื่ออากาศแห้ง
  • ใส่ถุงมือ หมวก เสื้อแขนยาว โดยเฉพาะเสื้อผ้าที่สามารถป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลต ปกคลุมผิวและทาครีมกันแดดที่มี SPF 30 เป็นอย่างน้อย เมื่อจำเป็นต้องออกแดดหรือตากแดดนาน ๆ ควรหาที่ร่มและไม่ออกแดดในเวลาแดดจัด เช่น 10.00-14.00 น.
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
  • หมั่นตรวจสอบผิวหนังของตนเองสม่ำเสมอ หากมีการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังที่น่าสงสัย ควรปรึกษาแพทย์
  • หากมีความกังวลเกี่ยวกับผิวหนัง ริ้วรอย จุดหรือรอยดำ สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อทำการดูแลรักษาด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น การยกกระชับ การทำเลเซอร์เพื่อความกระจ่างใสและลดรอยดำ ลดริ้วรอยต่าง ๆ ได้ 

 

ขอขอบคุณข้อมูล พญ. ลออ อรุณพูลทรัพย์ สาขาตจวิทยา โรงพยาบาลสมิติเวช

หากมีปัญหาสุขภาพผู้ป่วยมะเร็ง เราคืออีกหนึ่งทางออก ที่จะช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตปกติได้อีกครั้ง ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ โปรดคลิก inbox Facebook ชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็ง

อาหารผู้ป่วยมะเร็ง
การดูแลผู้ป่วยมะเร็ง
การรักษาผู้ป่วยมะเร็ง

ชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็งแห่งประเทศไทย 213/5 อาคารอโศกทาวเวอร์ ชั้น 6 ถ.สุขุมวิท 21(อโศก) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 1011

Copyright © 2021 www.siamca.com ขอสงวนสิทธิ์ ในการนำรูปภาพ หรือ ข้อความในเว็บไซต์ ไปเผยแพร่ หรือ ทำซ้ำ จะต้องได้รับการอนุญาตก่อนจึงจะกระทำได้