มะเร็งเต้านม... ภัยร้ายของผู้หญิงยุคดิจิตอล

วันที่ 20-04-2022 | อ่าน : 652


     “มะเร็ง” ได้ชื่อว่าเป็นโรคร้ายที่ใครๆ ต่างก็กลัว และสำหรับผู้หญิงแล้ว “มะเร็งเต้านม” ถือเป็นภัยเงียบที่น่ากลัวอย่างมาก เพราะมาเยือนโดยไร้สัญญาณเตือน แล้วทราบหรือไม่ว่า ความก้าวล้ำของโลกดิจิตอลในปัจจุบัน ยิ่งทำให้มะเร็งเต้านมเข้าใกล้เรามากขึ้น หากใช้ชีวิตแบบผิดๆ โดย พญ.วิภาวี สรรพสิทธิ์วงศ์ ศัลยแพทย์ด้านศีรษะ คอ และเต้านม ศูนย์ศีรษะ คอ และเต้านม โรงพยาบาลพญาไท 3 จะมาอธิบายถึงโรคนี้กัน

ใส่ใจให้ดี ก่อนโรคร้ายถามหา

     คุณหมอวิภาวี เล่าถึงมะเร็งเต้านมว่า เป็นโรคมะเร็งที่เกิดกับผู้หญิงไทยมากเป็นอันดับ 1 และยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้หญิงไทยเสียชีวิตอีกด้วย
“จากประสบการณ์การดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็งเต้านม พบข้อเท็จจริงหนึ่งว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่เข้ามาพบแพทย์เพราะอาการของโรค มากกว่าเข้ามาเพื่อตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม ซึ่งในระยะหลังพบว่าผู้หญิงตระหนักถึงความสำคัญของการตรวจคัดกรองมากขึ้น สำหรับอาการที่ทำให้ผู้ป่วยมารักษาบ่อยที่สุดคือ พบก้อนที่เต้านม”

ปัจจัยเหล่านี้ไง เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งเต้านม
     แม้มะเร็งเต้านมจะเป็นโรคที่ไม่สามารถระบุสาเหตุของโรคได้ แต่ก็มีปัจจัยเสี่ยง ซึ่งคุณหมอวิภาวี บอกว่า การมีเต้านมขนาดใหญ่หรือเล็ก ไม่มีผลในการเพิ่มความเสี่ยง แต่ปัจจัยเหล่านี้ต่างหากที่ผู้หญิงต้องระวัง

ปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงได้

  • ผู้หญิงที่ไม่มีบุตร หรือมีบุตรเมื่ออายุมากกว่า 30 ปี ขึ้นไป จะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
  • ผู้หญิงที่ให้นมบุตรมากกว่า 1 ปี
  • ผู้หญิงที่ใช้ฮอร์โมนเพศหญิง หลังภาวะหมดประจำเดือนติดต่อกันเป็นเวลานาน
  • ผู้หญิงที่น้ำหนักตัวเกินเกณฑ์มาตรฐาน
  • ผู้หญิงที่สูบบุหรี่
  • ผู้หญิงที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้

  • อายุ ยิ่งอายุมากขึ้น ความเสี่ยงก็มากขึ้น
  • พันธุกรรม
  • ประจำเดือนมาเร็ว หรือหมดช้า
  • ความหนาแน่นของเนื้อเต้านม ซึ่งผู้หญิงเอเชียจะมีความหนาแน่นของเนื้อเต้านมมากกว่าผู้หญิงยุโรปหรืออเมริกา

เช็กลิสต์ อาการมะเร็งเต้านมที่พบบ่อย

  • มีก้อนที่เต้านม
  • มีการเปลี่ยนแปลงของลักษณะเต้านม
  • มีของเหลวหรือเลือดไหลออกจากหัวนม
  • มีอาการเจ็บที่รักแร้ ซึ่งเป็นอาการของมะเร็งที่กระจายไปบริเวณต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้

ค้นหาเนื้อร้าย ด้วยแมมโมแกรม
     การตรวจเต้านมที่ได้มาตรฐานและได้รับการยอมรับในระดับสากล คือการตรวจด้วยเครื่องดิจิตอลแมมโมแกรม (Digital Mammogram) ร่วมกับการตรวจอัลตราซาวด์เต้านม (Breast Ultrasound) ซึ่งการตรวจแมมโมแกรมจะแสดงรายละเอียดสิ่งผิดปกติที่มีขนาดเล็กมากๆ เกินกว่าที่จะพบได้จากการคลำ การตรวจด้วยวิธีนี้จึงเหมาะกับบุคคลทั่วไปที่มีความเสี่ยงตามปกติ

     ทั้งนี้การทำแมมโมแกรมทำให้เราตรวจพบมะเร็งเต้านม และการบีบ กดเต้านมไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งเต้านม อีกทั้งการทำแมมโมแกรมเป็นระบบดิจิตอลจึงทำให้ปริมาณรังสีค่อนข้างต่ำ ซึ่งการทำแมมโมแกรม 1 ครั้งเทียบเท่ากับการเอกซเรย์ปอด 2 รูป ซึ่งถือว่าค่อนข้างน้อยมาก

พบความผิดปกติก่อนสายเกินแก้ ด้วยการ “คลำ”
     การคลำเต้านมด้วยตนเองจะมีประโยชน์เมื่อผู้หญิงมีความคุ้นเคยกับเต้านมของตนเอง เมื่อเกิดความผิดปกติขึ้นย่อมจะทำให้สามารถรับรู้ได้เร็วกว่าคนที่ไม่เคยสังเกตตนเองมาก่อน โดยช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการคลำเต้านมด้วยตนเอง คือ 7 วัน หลังจากเริ่มมีประจำเดือน เพราะเต้านมจะไม่คัดตึงและบวมน้อยจึงไม่เจ็บเมื่อมีการคลำเต้านม ฉะนั้นหากหมดประจำเดือนควรตรวจคลำโดยเลือกวันใดวันหนึ่งที่สะดวกเป็นประจำทุกเดือน

รักษาอย่างไร เมื่อพบเนื้อร้าย
     ขั้นตอนการรักษามะเร็งเต้านม เริ่มต้นจากการตรวจวินิจฉัย ซึ่งประกอบไปด้วยประวัติการตรวจร่างกาย ผลตรวจทางรังสีวิทยา ได้แก่ ผลตรวจการทำอัลตราซาวด์เต้านม ผลการตรวจแมมโมแกรม และการตรวจชิ้นเนื้อ เมื่อผลการตรวจทั้ง 3 ส่วนไปในทิศทางเดียวกัน ก็ควรรีบวางแผนการรักษาทันที

รักษาแบบ Individual Life เพื่อให้ผลออกมาดีที่สุด
     การรักษามะเร็งเต้านมในปัจจุบัน เป็นการรักษาที่ประกอบร่วมกันหลายส่วน ทั้งทีมแพทย์สหสาขา ศัลยแพทย์ผ่าตัด แพทย์เคมีบำบัด แพทย์รังสีรักษา โดยคนไข้แต่ละรายจะวางแผนการรักษาแตกต่างกัน เรียกได้ว่าเป็นการรักษาแบบเฉพาะบุคคล ซึ่งพิจารณาจากระยะของโรค ชนิดที่เป็น ลักษณะเต้านม และพื้นฐานร่างกายของผู้ป่วย

     ในส่วนของการผ่าตัด แพทย์จะพิจารณาจากลักษณะโรค ระยะของโรค พื้นฐานความเหมาะสมของร่างกายคนไข้ และความต้องการของคนไข้ร่วมกัน ซึ่งทุกขั้นตอนในการรักษามะเร็งเต้านมจะเน้นการดูแลแบบเฉพาะบุคคล (Individual Life)

ผลการรักษา ขึ้นอยู่กับระยะที่ตรวจพบ
     มะเร็งเต้านมมีหลายชนิด ผลการรักษาจะสัมพันธ์กับชนิดของโรคและระยะของโรคเป็นสำคัญ การรักษาจะได้ผลดีที่สุดเมื่อผู้ป่วยปฏิบัติตามแผนการรักษาที่วางร่วมกันกับทีมแพทย์อย่างต่อเนื่องและครบถ้วน โดยมีภาพรวมดังนี้

  • ระยะที่ 1 – ระยะที่ 2 โดยเฉลี่ยโอกาสหายมีมากกว่า 90 %
  • ระยะที่ 3 โดยเฉลี่ยโอกาสหายประมาณ 70 %
  • ระยะที่ 4 หรือระยะแพร่กระจาย การรักษาอาจไม่ได้หวังผลเพื่อให้หาย แต่ปัจจุบันคนไข้กลุ่มที่มีการแพร่กระจายมีโอกาสรอดชีวิตเกิน 5 ปี มีสูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นอย่ามองว่าคนไข้ในระยะแพร่กระจายจะไม่มีโอกาสรักษาเพื่อยืดชีวิตให้ยาวนานขึ้น

โอกาสที่จะเสียไป หากเลือกรักษาแบบทางเลือก
     ปัจจุบันมีผู้ป่วยมะเร็งจำนวนหนึ่งรักษาด้วยวิธีทางเลือก เช่น การรับประทานยาสมุนไพรก่อนมาหาแพทย์แผนปัจจุบัน ซึ่งคุณหมอวิภาวี บอกว่า สิ่งที่ผู้ป่วยต้องพบหากเลือกใช้การรักษาแบบทางเลือก คือ

  • เสียโอกาสในการรักษาที่ดี หากตรวจพบในระยะที่ 1 จะมีโอกาสหายถึง 90% หากเลือกวิธีทางเลือกก่อนนั่นหมายความว่าโอกาสได้รับการรักษาที่ดีย่อมลดลง
  • เสียโอกาสในการมีคุณภาพชีวิตที่ดี การผ่าตัดรักษาผู้ป่วยในระยะที่ 1 และ 2 ตามการรักษาแบบแพทย์แผนปัจจุบัน นอกจากทำให้ได้ผลการรักษาที่ดี ยังหมายถึงมีคุณภาพชีวิตที่ดี คงไว้ซึ่งความสวยงามของร่างกาย
  • การยกเว้นการรักษาด้วยเคมีบำบัด ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่เป็นในระยะต้นๆ ที่ได้รับการรักษาตั้งแต่เริ่มแรก บางกรณีอาจไม่ต้องรักษาด้วยเคมีบำบัดได้

ป้องกันอย่างไร ให้ห่างไกลมะเร็งเต้านม

  • หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง
  • หมั่นตรวจเต้านมด้วยตัวเองเดือนละครั้งอย่างสม่ำเสมอ
  • เมื่ออายุ 35-40 ปี ควรเข้ารับการตรวจเต้านมด้วยแมมโมแกรม (Digital Mammogram) และอัลตราซาวด์เต้านม (Breast Ultrasound) หรือตามที่แพทย์นัด

ผู้หญิงยุคดิจิตอล ต้องเลือกให้เป็น
     ปัจจุบัน เราเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้รวดเร็วและมากขึ้น อย่างข้อมูลเรื่องโรคมะเร็งเต้านม ซึ่งมีทั้งข้อมูลที่ควรค่าแก่การศึกษา คำแนะนำจากแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์หรือผลการวิจัยที่น่าเชื่อถือ แต่อีกด้านก็ยังคงมีข้อมูลที่บอกเล่ากันมาแบบปากต่อปาก ที่เกี่ยวกับการป้องกัน การตรวจ และการรักษาซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือ หากเราเชื่อข้อมูลแบบนี้ก็จะทำให้เสียโอกาสในการรักษาได้ เราจึงควรเสพข่าวอย่างรอบคอบ เพื่อให้โลกดิจิตอลสร้างประโยชน์ให้เราได้อย่างแท้จริง

     นอกจากการตรวจเต้านมด้วยตัวเองแล้ว สำหรับแพทย์ทุกคนต่างต้องการให้คนไข้เข้ามาพบเพื่อตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม มากกว่าที่จะเข้ามาหาเมื่อมีอาการ เพราะการมีอาการ นั่นหมายความว่าโรคมะเร็งกำลังเข้ามาสู่ชีวิตของคนไข้แล้ว

 

ขอขอบคุณข้อมูล พญ.วิภาวี สรรพสิทธิ์วงศ์ ศัลยแพทย์ด้านศีรษะ คอ และเต้านม ศูนย์ศีรษะ คอ และเต้านม โรงพยาบาลพญาไท 3

หากมีปัญหาสุขภาพผู้ป่วยมะเร็ง เราคืออีกหนึ่งทางออก ที่จะช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตปกติได้อีกครั้ง ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ โปรดคลิก inbox Facebook ชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็ง

ความรู้มะเร็ง
การดูแลผู้ป่วย
การรักษามะเร็ง

ชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็งแห่งประเทศไทย 213/5 อาคารอโศกทาวเวอร์ ชั้น 6 ถ.สุขุมวิท 21(อโศก) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 1011

Copyright © 2021 www.siamca.com ขอสงวนสิทธิ์ ในการนำรูปภาพ หรือ ข้อความในเว็บไซต์ ไปเผยแพร่ หรือ ทำซ้ำ จะต้องได้รับการอนุญาตก่อนจึงจะกระทำได้