พิชิตโรคมะเร็งแบบบูรณาการ

วันที่ 27-05-2010 | อ่าน : 9958


พิชิตโรคมะเร็งแบบบูรณาการ
 


 

การแพทย์แบบบูรณาการ
      การรักษาผู้ป่วยมะเร็งแบบ บูรณาการ คือการรักษาผู้ป่วยมะเร็งแบบองค์รวม ผสมผสานองค์ความรู้ นวัตกรรมการรักษา กลมกลืนสอดคล้องกับธรรมชาติของความเป็นมนุษย์  ซึ่งประกอบด้วยร่างกายจิตใจ และวิญญาณ  ซึ่งมีความสัมพันธ์แบบแยกจากกันไม่ได้ จากผู้คนรอบข้าง ญาติพี่น้อง ผู้ดูแลผู้ป่วย สังคม และสิ่งแวดล้อมรอบตัว จนถึงจักรวาลที่กว้างใหญ่ไพศาล  ปรัชญา มุมมองและ มิติของการรักษา เป็นไปทั้งในแนวกว้าง ยาว และลึก แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากการแพทย์แผนปัจจุบันที่มีรากฐานจากการแพทย์ตะวันตก
 
การปฏิวัติการวินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็ง
     การแพทย์ในปัจจุบันและอนาคตอันใกล้นี้ เป็นการแพทย์แบบปัจเจกบุคคล (Personalized Health Care) ซึ่งมีรากฐานมาจากโครงการวิจัยซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดตั้งแต่มนุษย์ชาติเคยมีมาตั้งแต่อดีตกาลจนถึงปัจจุบัน  นั่นคือโครงการถอดรหัส ดีเอ็นเอ ของมนุษย์   เมื่อโครงการดังกล่าว สำเร็จลุล่วงเมื่อประมาณ 8 ปีที่แล้ว ทำให้เราทราบถึงรหัส ดีเอ็นเอ ซึ่งเป็นรากฐานของมนุษย์ชาติ   การทราบรหัส ดีเอ็นเอ ซึ่งเป็นส่วนประกอบของยีนที่ควบคุมการสร้างมนุษย์   ควบคุมการทำงานทั้งหมดของร่างกาย  และเมื่อเกิดการกลายพันธุ์ จะทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ รวมทั้งโรคมะเร็ง  ดังนั้น ข้อมูลและเทคโนโลยีจากโครงการถอดรหัส ดีเอ็นเอ ของมนุษย์ จึงสามารถประยุกต์ใช้ในการวินิจฉัยโรคมะเร็งถึงระดับโมเลกุล ทำให้ความไว และความจำเพาะของการตรวจดียิ่งขึ้นกว่าการตรวจแบบเดิม   การวินิจฉัยโรคมะเร็งพัฒนาไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำ นอกจากนั้น ยังทำให้เกิดการพัฒนาการวินิจฉัยโรคด้วยรังสีวินิจฉัยระดับโมเลกุล (Molecular Imaging)  สามารถวินิจฉัยทำนายความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งในคนปกติได้ก่อนเกิดโรคมะเร็ง (Molecular Diagnosis of Cancer)  เลือกการรักษาที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพในผู้ป่วยมะเร็งแต่จะรายตามรหัส ดีเอ็นเอ ของผู้ป่วย  นอกจากนั้นการตรวจทางโมเลกุล  ยังสามารถทำนายถึงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น  ทำให้สามารถหลีกเลี่ยงการให้ยาเคมีบำบัดในผู้ป่วยมะเร็งที่อาจเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงจากยาเคมีบำบัดได้  การตรวจดีเอ็นเอของยีนที่เกี่ยวข้อง สามารถพยากรณ์ได้ว่า ผู้ป่วยมะเร็งมีการดำเนินโรคที่รุนแรงหรือไม่   ถ้าโรคที่เป็นไม่รุนแรงจากการตรวจยีน  อาจหลีกเลี่ยงไม่ต้องใช้ยาเคมีบำบัดก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถทำนายความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งในคนปกติได้อีกด้วย  ด้วยการตรวจยีนนับร้อยนับพันยีน ในการตรวจที่เรียกว่า ไมโครอาเรย์  เรียกว่า การตรวจคัดกรองโรคมะเร็งระดับโมเลกุล (Molecular Screening of Cancer)

การรักษามะเร็งตามเป้าหมาย (Targeted Therapy)
    องค์ความรู้จากการศึกษาวิจัย ทำให้ทราบถึงเป้าหมายของการเกิดโรคมะเร็ง  และการลุกลามของโรค  นำไปสู่การพัฒนายาที่ออกฤทธิ์ยับยั้งมะเร็งจำเพาะต่อเป้าหมายของการเกิดและการดำเนินของโรคมะเร็ง  ผลลัพธ์ที่ได้คือ ทำให้สามารถรักษาโรคมะเร็งได้หลายชนิดที่การรักษาแบบดั้งเดิมไม่ได้ผลหรือได้ผลไม่ดีเพียงพอ  สำหรับโรคมะเร็งที่มียารักษาอยู่แล้ว ก็สามารถพัฒนายาใหม่ที่ดีขึ้น  หรือใช้ร่วมกับยาเคมีบำบัดเสริมฤทธิ์การรักษา โดยไม่เพิ่มผลข้างเคียง

     ดังนั้น นวัตกรรมใหม่ในการรักษาโรคมะเร็ง คือ ต้องตรวจหาเป้าหมายของการรักษาว่ามีหรือไม่ และจัดยาที่รักษาตามเป้าหมายที่เหมาะสมกับโรคมะเร็งที่เป็น เช่น มะเร็งเต้านม ร้อยละ 20 เกิดจากยีนมะเร็ง เฮอร์ทู  การใช้ยาต้านยีนมะเร็งเฮอร์ทู หรือใช้ร่วมกับยาเคมีบำบัดสามารถทำให้การตอบสนองต่อการรักษาดีขึ้น  สามารถป้องกันการกลับเป็นซ้ำของโรคได้หลังการผ่าตัด  ดีกว่าการใช้ยาเคมีบำบัดเพียงอย่างเดียว มะเร็งปอดที่มีการกลายพันธุ์ของยีนเฮอร์วัน  จะตอบสนองดีต่อยาต้านยีนเฮอร์วัน ได้ผลการรักษาดีกว่ายาเคมีบำบัด มะเร็งจีสต์  เกิดในช่องท้องดื้อต่อยาเคมีบำบัด เกิดจากยีนมะเร็งซีคิด (C-Kit Oncogene) การใช้ยาต้านยีนมะเร็งคิด ชื่อ อีมาทีนิบ  มีประสิทธิภาพสูงในการรักษาโรคมะเร็งจีสต์  มะเร็งตับที่พบเป็นอันดับหนึ่งในผู้ชายไทย  มักเกิดจาการติดเชื้อ ไวรัสตับอักเสบชนิดบี และซี มีการเพิ่มหน้าที่ของยีนมะเร็งร๊าฟ  (Raf Oncogene)  ปัจจุบันนี้มียาต้านยีนมะเร็งร๊าฟ เป็นยาเม็ดรับประทานได้ง่ายสะดวกเช้าเย็น ใช้รักษาโรคมะเร็งตับได้ผลดีและสามารถเพิ่มอัตรารอดชีวิตของผู้ป่วยมากขึ้น  และมีผลข้างเคียงน้อยกว่ายาเคมีบำบัด

สมุนไพรรักษามะเร็ง
     ความสับสนประการหนึ่งในวงการแพทย์ คือ สมุนไพรรักษาโรคมะเร็งได้จริงหรือไม่  ผู้ป่วยมะเร็งจำนวนมากเชื่อว่าสมุนไพรมีประสิทธิภาพรักษามะเร็งได้ หลักสูตรแพทยศาสตร์ในประเทศจีนบางหลักสูตร รวมการแพทย์แผนจีนและได้บรรจุเรื่องสมุนไพรเข้าไว้ในหลักสูตรแพทยศาสตร์มากถึงร้อยละ 30  มีการใช้ยาสมุนไพรหลายชนิดในการบำบัดทุเลาผลข้างเคียงจากการรักษามะเร็ง

    ยาเคมีบำบัดที่ใช้รักษาโรคมะเร็งในปัจจุบัน มากกว่าร้อยละ 20  ของยาเคมีบำบัดมีต้นกำเนิดมาจากสมุนไพร เช่นยาไอริโนทีแคน  เป็นยาหลักในการรักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะแพร่กระจาย  ยาดังกล่าวสังเคราะห์มาจากสมุนไพรจีนชนิดหนึ่งมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า  แคมโตทีก้า แอคคิวมีนาต้า  ยาพาคลีแท๊ซเซลสังเคราะห์มาจากต้นสนในประเทศสหรัฐอเมริกาชื่อว่า แปซิฟิกยิว หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า เท็กซัส บริวิโฟเลีย  หรือยาเคมีบำบัดวิน คริสตีน วินบลาสตีน และวิโนเรลปีน  มีต้นกำเนิดมาจากต้นพังพวยฝรั่ง  ยาด๊อซซิแทซเซล มาจากต้นสนในยุโรป ชื่อ เท็กซัส แบคคาต้า  ยาเคมีบำบัดอีโตโปไซด์ ซึ่งใช้รักษามะเร็งปอด  มะเร็งอัณฑะ  มีต้นกำเนิดจากต้นไม้ในเทือกเขาหิมาลัย เป็นต้น

    จะเห็นได้ว่า กว่ายาสมุนไพรจะใช้รักษาโรคมะเร็งอย่างได้ผลต้องผ่านการสกัดสังเคราะห์ วิเคราะห์ ผลิตสูตรยา  ศึกษาผลในเซลล์มะเร็งในสัตว์ทดลอง  ศึกษาในมนุษย์ระยะที่ 1 เพื่อตรวจสอบระดับยาสูงสุดที่รับได้  ศึกษาเภสัชจลศาสตร์  ศึกษาในผู้ป่วยมะเร็งระยะที่ 2 เพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพและผลข้างเคียงของยา  ต่อมาเมื่อพบว่ายามีประสิทธิภาพและปลอดภัยจึงมีการศึกษาต่อเนื่องในระยะที่ 3  โดยศึกษาแบบสุ่ม  เปรียบเทียบกับยามาตรฐาน  ถ้ายาใหม่ที่ศึกษาทดลองได้ผลดีกว่ายามาตรฐานเดิม  ข้อมูลการศึกษาจะประเมินโดยองค์การอาหารและยาอย่างรอบครอบ  เมื่อคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีมติเห็นชอบกับการอนุมัติให้ใช้ในผู้ป่วยมะเร็ง  ยาดังกล่าวจะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นยาให้ใช้ในผู้ป่วยมะเร็ง  และยังต้องมีการศึกษาติดตามผลของยาหลังจากมีการใช้ยาดังกล่าวในการรักษาโรคมะเร็งในชุมชน  เรียกว่าการศึกษาระยะที่ 4 

    ดังนั้นจะเห็นได้ว่ากว่าที่ยาใหม่ชนิดหนึ่งจะสามารถนำมาใช้รักษาโรคมะเร็งต้องผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวด  และใช้ระยะเวลายาวนานกว่าจะได้รับอนุมัติจากองค์การอาหารและยาให้ใช้ได้อย่างปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง  มีผลทำให้ยาเคมีบำบัดชนิดใหม่ๆ มีราคาสูง

   ถ้าผู้ป่วยประสงค์ที่จะใช้ยาสมุนไพรรักษามะเร็ง  ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบประสิทธิภาพ คุณภาพ มาตรฐาน และความปลอดภัยของยา  และต้องตรวจสอบว่ายาดังกล่าวได้รับอนุมัติจากองค์การอาหารและยา  หรือขึ้นบัญชียาหลักของกระทรวงสาธารณสุขหรือไม่  ยิ่งถ้าได้รับอนุมัติในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศที่มีมาตรฐานทางการแพทย์  เช่น  สหรัฐอเมริกา  ยุโรป ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น ก็ยิ่งจะสร้างความมั่นใจในการนำยาดังกล่าวมาใช้รักษาผู้ป่วยมะเร็ง ควรต้องแจ้งแพทย์ที่รักษาด้วย เพราะยาสมุนไพรอาจมีปฏิกิริยากับยาแผนปัจจุบันที่ใช้อยู่ ไม่ว่าจะเป็นการต้านฤทธิ์หรือเสริมกันได้
 


 

การรักษาโรคมะเร็งแบบผสมผสาน
     การผสมผสานศาสตร์ต่างๆ ในการรักษาโรคมะเร็งไม่ใช่ความคิดใหม่  ผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยศึกษาค้นคว้า  หรือได้รับคำแนะนำจากผู้ป่วยคนอื่น หรือญาติสนิท มิตรสหายถึงวิธีการรักษาผู้ป่วยมะเร็งหลากหลายวิธี  การผสมผสานวิธีการรักษามะเร็งที่ถูกต้องจำเป็นต้องประเมินตรวจสอบความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวิธีการรักษา  ว่ามีการขัดแย้งกับวิธีการรักษามาตรฐานหรือไม่  โดยสอบถามแพทย์ผู้เชี่ยวชาญการแพทย์แผนปัจจุบัน ซึ่งประกอบด้วย 3 สาขาใหญ่ คือ  ศัลยแพทย์มะเร็งวิทยา  รังสีแพทย์  และอายุรแพทย์มะเร็งวิทยา สำหรับแพทย์แผนโบราณทางกระทรวงสาธารณสุขก็มีการควบคุมคุณภาพ  และขึ้นทะเบียนแพทย์แผนโบราณ

   “ยาดีหมอดีมีทางหายขาด ได้ยาผิดพลาดอาจชะตาขาด” ดังนั้นการเรียนรู้สู้มะเร็งจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง ถึงแม้จะได้รับการรักษาด้วยยามาตรฐานแต่ไม่ได้ใช้ยาที่ดีกว่าจากนวัตกรรมใหม่ อาจทำให้ผู้ป่วยมะเร็งสูญเสียโอกาสที่จะเห็นผล หรือยืดชีวิตได้ ซึ่งอาจเป็นโอกาสครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายของผู้ป่วยคนนั้น ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นอาจจะเพียงครั้งเดียวเท่านั้น อาจมีชีวิตผู้ป่วยเป็นเดิมพัน และไม่สามารถแก้ไขได้อีกเลยชั่วชีวิต

การรักษามะเร็งแบบผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง
    การรักษามะเร็งที่ถูกต้องควรเป็นการรักษาที่มีผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง  มุ่งเน้นทั้งร่างกายและจิตใจ  นอกเหนือจากการรักษาตัวโรคมะเร็งเอง  กายและใจมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด  กายป่วยต้องป้องกันอย่าให้ใจป่วยหรือจิตตก  ร่างกายและจิตใจมีการเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด   โดยอิทธิพลของฮอร์โมนและสารคัดหลั่งจากระบบประสาท  และยังเกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายในการทำลายเซลล์มะเร็งด้วย  เรียกว่าศาสตร์แห่งมะเร็งวิทยาประสาทวิทยา จิตเวชและภูมิคุ้มกัน (Psychoneuroimmuno-oncology)

บทสรุป
   การผสมผสานการแพทย์แผนใหม่ การแพทย์แผนโบราณ ภูมิปัญญาท้องถิ่น  วิถีชีวิต  ร่างกายและจิตใจ  สังคม  ธรรมชาติ  และสิ่งแวดล้อม  เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมแบบบูรณาการ  การศึกษาวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้เหล่านี้ให้เกิดการผสมผสานอย่างถูกต้องเหมาะสมกับนวัตกรรมทางการแพทย์  ซึ่งมีการศึกษาวิจัยค้นพบอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องในปัจจุบันนี้ จะนำไปสู่ความสำเร็จในการรักษาโรคมะเร็งแบบหลายมิติ  และทำให้เกิดแนวทางใหม่ในการดูแลผู้ป่วยมะเร็งแบบบูรณาการในที่สุด


ขอรับข้อมูลเพิ่มเติมได้ฟรี คลิกที่นี่ หรือโทร 02-6640078

 

หากมีปัญหาสุขภาพผู้ป่วยมะเร็ง เราคืออีกหนึ่งทางออก ที่จะช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตปกติได้อีกครั้ง ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ โปรดคลิก inbox Facebook ชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็ง

การรักษาผู้ป่วยมะเร็ง
การดูแลผู้ป่วยมะเร็ง
ความรู้มะเร็ง

ชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็งแห่งประเทศไทย 213/5 อาคารอโศกทาวเวอร์ ชั้น 6 ถ.สุขุมวิท 21(อโศก) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 1011

Copyright © 2021 www.siamca.com ขอสงวนสิทธิ์ ในการนำรูปภาพ หรือ ข้อความในเว็บไซต์ ไปเผยแพร่ หรือ ทำซ้ำ จะต้องได้รับการอนุญาตก่อนจึงจะกระทำได้