วันที่ 27-05-2010 | อ่าน : 13964
ผู้ป่วยที่ได้รับการฉายรังสีบริเวณช่องท้องและอุ้งเชิงกราน ผลของรังสีก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่อระบบทางเดินอาหาร ระบบ อวัยวะสืบพันธุ์ ระบบทางเดินปัสสาวะได้ การปฏิบัติตนที่ถูกต้องจะช่วยลดภาวะแทรกซ้อน และทำให้ผู้ป่วยเข้าสู่ภาวะปกติได้เร็วขึ้น
ผลต่อระบบทางเดินอาหาร
จะมีผลกระทบต่อลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ และทวารหนัก อาจทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้ ปวดท้อง ท้องเสีย ท้องอืด หรือทำให้เกิดอาการปวดถ่วงบริเวณทวารหนัก
ผู้ป่วยควรปฏิบัติดังนี้
- ดูแลความสะอาดของปาก และฟันสม่ำเสมอ
- ควรรับประทานอาหารอ่อนย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม
- ควรรับประทานอาหารเสริม เช่น น้ำผลไม้หรืออาหารเสริมอื่นๆ
- ควรรับประทานอาหารครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง
- หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้ท้องอืด เช่น น้ำอัดลม
- หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้ท้องเสียมากยิ่งขึ้น เช่น อาหารรสจัด อาหารหมัก
- กรณีที่มีอาการท้องเสีย ควรดื่มเครื่องดื่มผสมเกลือแร่ ORS (โอ อาร์ เอส)
- ถ่ายอุจจาระให้เป็นเวลา ไม่ควรให้ท้องผูกเพราะอุจจาระจะแข็งจะทำให้ลำไส้เป็นแผลเลือดออกได้
ผลต่ออวัยวะระบบสืบพันธุ์
อาจเกิดอาการช่องคลอดแห้ง คัน หรือตกขาว หรือน้ำใสๆ ไหลออกมาทางช่องคลอดซึ่งเกิดจากการที่ก้อนเนื้องอกถูกทำลาย หรือเป็นแผลบริเวณก้น ผู้ป่วยควรปฏิบัติดังนี้
- ไม่ควรใส่กางเกง หรือกางเกงในที่มีขอบแข็งหรือรัดแน่นจนเกินไป
- หลังการถ่ายอุจจาระ หรือปัสสาวะควรทำความสะอาด และซับให้แห้ง ไม่ควรเช็ดถูแรงๆ
- สวนล้างช่องคลอดตามคำแนะนำ ถ้ามีเลือดออกทางช่องคลอดให้งดสวนล้างช่องคลอด
- งดการมีเพศสัมพันธ์ในระหว่างการฉายรังสี เพราะอาจเกิดการติดเชื้อได้ง่าย
ผลต่อระบบทางเดินปัสสาวะ
อาจมีการถ่ายปัสสาวะบ่อย แสบขัด ปวดท้องน้อย
ผู้ป่วยควรปฏิบัติดังนี้
- ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว
- ไม่ควรกลั้นปัสสาวะ
- เมื่อปัสสาวะแสบขัด หรือปัสสาวะปนเลือดควรปรึกษาแพทย์
การบริหารร่างกายสำหรับผู้ได้รับรังสีรักษาบริเวณช่องท้องและอุ้งเชิงกราน
ปัญหาที่อาจพบในผู้ป่วยที่ฉายรังสีบริเวณนี้คือ การบวมของขา และบริเวณเหนือหัวเหน่า หรือการปวดข้อสะโพก การบริหารร่างกายจะช่วยลดภาวะเหล่านี้
การบริหาร
1. ก้มตัวสลับกับแอ่นตัวไปข้างหลัง
2. ส่ายสะโพกเป็นวงกลมช้าๆ
3. นอนหงาย วางมือราบกับพื้น สะโพกและขาเหยียดตรง เริ่มบริหารโดยค่อยๆ งอเข่าและสะโพกข้างหนึ่งเข้าหาตัวให้เต็มที่ จากนั้นเหยียดสะโพกออกเล็กน้อยโดยเข่ายังงออยู่แล้วงอสะโพกเข้าเต็มที่อีกครั้ง จากนั้นเหยียดเข่าและสะโพกกลับสู่ที่พักตอนแรกให้ทำในท่าเดียวกันในอีกขาข้างหนึ่ง
4. ยืนตรง แกว่งขาไปข้างหน้าและข้างหลังสลับกัน ทำเช่นเดียวกันทั้ง 2 ข้าง
5. ยืนตรง กางขาออกทางด้านข้าง และหุบกลับในทางเดิม ทำสลับกันทั้ง 2 ข้าง
6. นอนหงาย งอเข่าและสะโพก จากนั้นหมุนสะโพกให้หัวเข่าหมุนตามไปทางด้านข้างตรงข้ามต่อไปกางออกให้เต็มที่และและกลับสู่ท่าแรก ทำสลับข้างในท่าเดียวกันนี้เวลานอนควรยกขาสูงเล็กน้อย เพื่อไม่ให้เกิดการคั่งของเลือดบริเวณขา
การดูแลตนเองเมื่อผู้ป่วยได้รับรังสีรักษาครบแล้ว
ผู้ป่วยที่ได้รับการฉายรังสีบริเวณช่องท้องและอุ้งเชิงกราน เมื่อได้รับการฉายรังสีครบแล้ว ส่วนมากจะรู้สึกว่าตนเองแข็งแรงดี แต่บางคนอาจมีอาการไม่สุขสบายหรือมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ลำไส้ใหญ่อักเสบหรือมีตกขาว หรือการอักเสบของช่องคลอด ซึ่งอาจทำให้ช่องคลอดตีบตันได้จึงควรป้องกัน โดยปฏิบัติดังนี้
การป้องกันกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
กระเพาะปัสสาวะอักเสบจะมีอาการปัสสาวะกระปริบกระปรอย ต่อมาอาจมีปัสสาวะแสบขัด หรือมีเลือดปนท่านควรป้องกันโดยดื่มน้ำมากๆ วันละ 8-10 แก้ว และอย่ากลั้นปัสสาวะในกรณีที่มีปัสสาวะปนเลือดควรต้องนอนพักอย่างเต็มที่ ดื่มน้ำให้มากๆ อย่ากลั้นปัสสาวะ อาการเลือดออกจะหายไปได้เอง
การป้องกันลำไส้ใหญ่อักเสบ
ลำไส้ใหญ่อักเสบจะมีอาการท้องเสียหรือถ่ายอุจจาระเป็นเลือด หากเกิดอาการท้องเสีย ท่านควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้ท้องเสียมากยิ่งขึ้น เช่น นม อาหารรสจัด อาหารหมักดอง และควรรับประทานอาหารอ่อนที่ดูดซึมง่าย หลีกเลี่ยงการเกิดอาการท้องผูก โดยสร้างสุขนิสัยในการขับถ่ายอุจจาระให้เป็นเวลาทุกวัน ควรดื่มนมหรือน้ำมากๆ และรับประทานอาหารประเภทผลไม้ เช่น กล้วยสุก มะละกอสุก ส้ม มะขาม เป็นต้น ถ้าถ่ายอุจจาระปนเลือดหรือมีมูกเลือดควรไปพบแพทย์ที่ดูแลขณะฉายรังสีอยู่จะดีที่สุด
การบริหารร่างกาย
การฉายรังสีบริเวณนี้ อาจมีโอกาสเกิดเนื้อเยื่อพังผืดมายึดบริเวณขาหนีบทำให้เกิดการบวมหรือการปวดของขาและบริเวณเหนือหัวเข่า การบริหารร่างกายจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดภาวะเหล่านี้ โดยปฏิบัติดังนี้
1. ก้มตัวสลับกับแอ่นตัวไปข้างหลัง
2. ส่ายสะโพกเป็นวงกลมช้าๆ
3. ยืนตรงมือข้างหนึ่งท้าวบนโต๊ะหรือฐานที่มั่นคง แกว่งขาไปข้างหน้า และหลังสลับกัน ทำเช่นเดียวกันทั้งสองข้าง
4. ยืนตรง กางขาออกทางด้านข้างและหุบขากลับในท่าเดิม ทำสลับกันทั้งขาซ้ายและขาขวา
5. นอนหงาย งอเข่าและสะโพก โดยให้มุมใต้เข่ากางประมาณ 60 องศา ฝ่าเท้าวางราบกับพื้นจากนั้นหมุนสะโพกให้หัวเข่าหมุนตามไปทางด้านขาตรงข้ามต่อไป กางออกให้เต็มที่และกลับสู่ท่าแรก พัก และทำสลับข้างในท่าเดียวกันตามลำดับ นอกจากนี้เวลานอน ควรยกขาสูงเล็กน้อยเพื่อไม้ให้เกิดการคั่งของเลือดในบริเวณขา
การป้องกันช่องคลอดตีบแคบ
การเกิดช่องคลอดตีบแคบ ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการตรวจภายในเพื่อติดตามการดำเนินของโรคมักพบผู้ป่วยเนื้องอกของช่องคลอด ปากมดลูก หรือรังไข่ ท่านควรปฏิบัติต่อดังนี้
1. มาตรวจภายในตามแพทย์นัดทุกครั้ง
2. หลังการรักษาครบ 4-6 สัปดาห์ เมื่อแพทย์ตรวจไม่พบว่าก้อนเนื้องอกและการอักเสบในช่องคลอด และแพทย์แนะนำให้ท่านสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ตามปกติ ท่านอาจรู้สึกเจ็บบ้างขณะมีเพศสัมพันธ์ซึ่งเป็นอาการปกติที่พบได้ภายหลังการรักษา เนื่องจากน้ำหล่อลื่นตามธรรมชาติลดลงจึงควรใช้ครีมหล่อลื่นช่วย เช่น เควาย เยลลี่
3. ภายหลังมีเพศสัมพันธ์อาจจะมีเลือดออกจากช่องคลอดเล็กน้อย เป็นสิ่งปกติเพราะเส้นเลือดฝอยในช่องคลอดจะเปราะและแตกได้ง่ายไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด และเลือดจะหยุดไปเองภายใน 1-2 ชั่วโมง
4. การมีเพศสัมพันธ์จะไม่ทำให้โรคกำเริบ และไม่ติดโรคเพราะเนื้องอกไม่ใช่โรคติดต่อ
5. ในรายที่ไม่มีเพศสัมพันธ์ ท่านควรขยายช่องคลอดโดยการใช้นิ้วมือแทน โดยตัดเล็บให้สั้น ล้างมือให้สะอาด และบีบสารหล่อลื่นใส่ปลายนิ้วชี้และนิ้วกลางสอดนิ้วมือเข้าไปในช่องคลอดจนสุดนิ้ว ควรทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง อย่างสม่ำเสมอ
รับข้อมูลเพิ่มเติมฟรี คลิกที่นี่ หรือโทร 02-6640078
หากมีปัญหาสุขภาพผู้ป่วยมะเร็ง เราคืออีกหนึ่งทางออก ที่จะช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตปกติได้อีกครั้ง ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ โปรดคลิก inbox Facebook ชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็ง
ชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็งแห่งประเทศไทย 213/5 อาคารอโศกทาวเวอร์ ชั้น 6 ถ.สุขุมวิท 21(อโศก) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 1011
Copyright © 2021 www.siamca.com ขอสงวนสิทธิ์ ในการนำรูปภาพ หรือ ข้อความในเว็บไซต์ ไปเผยแพร่ หรือ ทำซ้ำ จะต้องได้รับการอนุญาตก่อนจึงจะกระทำได้