วันที่ 21-05-2010 | อ่าน : 6022
มะเร็ง”เรื่องเล็กสำหรับคนเข้มแข็ง
( มะเร็งเม็ดเลือดขาว )
โดย จงรัก หาดทวายกาญจน์
เมื่อเอ่ยถึงคำว่า “มะเร็ง” ย่อมเป็นที่หวาดกลัววิตกกังวลสำหรับคนที่ยังไม่ได้เดินเข้าไปในวังวนของชื่อนี้ และถ้าเป็นไปได้ของภาวนาอย่าให้ได้เข้าไปเกี่ยวข้องเลยตลอดชีวิต และชื่อนี้ยังเป็นที่ทุกข์ทรมาน น่าเวทนา ท้อแท้ ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ สำหรับผู้ที่กำลังเผชิญกับคำว่าว่า “มะเร็ง” นี้ โดยในความคิดมองเห็นแล้วว่า ความตายมารออยู่ในระยะเวลาอันใกล้โดยไม่มีโอกาสได้คิดว่าจะอยู่ดูแลหรือได้เห็นความสำเร็จของลูกหลานไปจนแก่เฒ่า
ประมาณปี พ.ศ.2548 ดิฉันได้ไปพบแพทย์ที่คลินิกใกล้บ้าน จากอาการของรอบเดือนซึ่งมีเลือดออกมากและมีอาการปวดท้องน้อยอย่างรุนแรง แพทย์วินิจฉัยโรคเบื้องต้นแล้วให้ยาไปทานที่บ้าน คำวินิจฉัยของแพทย์ คือ “มดลูกโต 11 เซ็นติเมตร และพังผืดมดลูกหนามาก” ให้กลับไปทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะ คือ ผัก ผลไม้ มาก ๆ
หลังจากนั้นอีกประมาณ 3 เดือน ดิฉันต้องกลับไปพบแพทย์อีกครั้งจากอาการเดิม ๆ แพทย์ตรวจแล้วนัดขึ้น Admit ที่โรพงพยาบาลเพื่อทำการขูดมดลูกและตัดชิ้นเนื้อเพื่อส่งไปพิสูจน์ “เนื้อร้าย” อีก 1 เดือน นัดฟังผลหลังจากนั้นดิฉันเริ่มวิตกกังวลเครียดจิตใจว้าวุ่นฟุ้งซ่าน ไม่อยากไปไหนพบใคร อยากอยู่คนเดียวเงียบ ๆ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ทราบผลตรวจ เวลา 1 เดือน ที่รอผลชิ้นเนื้อ เหมือนเวลามันนานเหมือน 1 ปี เมื่อถึงวันนัดดิฉันรีบตื่นนอนแต่เข้าตรู่รีบไปรอแพทย์เป็นคิวแรก แลออกมาปรากฏว่าเป็น ข่าวดี ในชีวิตยิ่งกว่าได้เงินทองมากองมากมายต่อหน้าเสียอีก ดิฉันไม่ได้เป็นโรคร่ายดังที่คิด เย้ ?? ?? ดีใจมากที่สุด กระโดดกอดสามีในคลินิกอย่างไม่อายใคร
หลังจากนั้นประมาณ เดือน กรกฏาคม 2548 มีเพื่อน ๆ ทักทายว่าดิฉันผอมลงเรื่อย ๆ ถามว่าเป็นอะไรรึเปล่า จึงตอบไปว่าไม่เป็นอะไรกินอิ่มนอนหลับดี สบายดีทุกอย่าง ตั้งแต่นั้นดิฉันเริ่มสนใจตนเอง โดยดูแลน้ำหนักตนเดองเรื่อยมา ปรากฏว่าน้ำหนักลดลง ประมาณสัปดาห์ละ 3 ขีด ถึงครึ่งกิโลกรัม ประกอบกับมีอาการอ่อนเพลีย แต่ทานอาหารได้ตามปกติมิได้สงสัยอะไร ต่อมาทำให้ต้องกลับไปพบแพทย์อีกครั้งเนื่องจากอาการปวดท้องน้อยในรอบเดือน (อาการเดิม) แพทย์ตรวจคราวนี้บอกว่าทำไมดูซีด มากอาจเป็นเพราะเสียเลือดมาก แพทย์สั่งให้ไปพบกันที่โรงพยาบาลและ Admit เหมือนครั้งแรก และนัดผ่าตัดมดลูกด่วน โดยตรวจเช็คร่างกายเพื่อเตรียมพร้อมผ่าตัดใหญ่ ผลเป็นว่าผ่าตัดไม่ได้เนื่องจากค่าของเม็ดเลือดผิดปกติ (ฟังอย่างไม่เข้าใจ) บังเอิญไม่รู้ว่าบุญหรือกรรมมีญาติซึ่งเป็นพยาบาลไปเยี่ยมและได้อ่านชาจช์ คนไข้ (คิดว่าเข้าคงทราบว่าเราเป็นโรคที่ไม่คาดคิด) เขาแนะนำให้ไปเจาะเลือดดูใหม่อีกครั้ง ค่าของเลือดต่ำลงไปเรื่อย ๆ พร้อมทั้งแนะนำให้ไปตรวจ ณ โรงพยาบาลเชียงใหม่ หรือกรุงเทพ ฯ เพื่อจักได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยด่วน
วันที่ 27 สิงหาคม 2548 ดิฉันไปพบแพทย์ ณ.โรงพยาบาลใหญ่ประจำจังหวัดเชียงใหม่เนื่องจากใกล้บ้านที่สุด วันนั้นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรคตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดทุกขั้นตอน จึงทราบผลที่แน่นอน มันคือ ข่าวร้าย โดยแทบล้มทั้งยืนจนสามีต้องประคองออกจากห้องตรวจ เมื่อแพทย์วินิจฉัยว่า “พบเชลล์ผิดปกติในเม็ดเลือด” นั่นหมายถึงว่าดิฉันเป็นโรค “มะเร็งเม็ดเลือดขาว” แพทย์นัดคิวรักษาให้ ยาคีโม อีก 1 เดือน หลังออกจากห้องตรวจทั้ง สามีและดิฉันไม่พูดกันแม้แต่สักคำต่างคนต่างคิด ใจเสียมือเท้าอ่อนมองหน้าสามีอย่างสงสารสุดหัวใจ ดิฉันไม่มีสติแม้แต่จะถามหมอสักทำว่าเป็นโรคนี้แล้วต้องทำอย่างไรต่อไป ขาดสติ ขาดสำนึก ได้แต่เดินเหม่อลอย นั่งรถกลับบ้านด้วยใจที่หดหู่คิดย่างเดียวว่าเราคงต้องจบฉากชีวิตในระยะอันใกล้นี้แล้ว ลูกเราจะอยู่กับใคร พ่อแม่ ที่ต้องรับผิดชอบอีก ได้แต่ซึมเศร้าไม่ยินดียินร้ายใด ๆ ทั้งสิ้น ถ้าให้มีเงินมากมายแล้วสุขภาพไม่ดีขอเลือกสุขภาพดีแต่ไม่มีเงิน
วันที่ 27 กันยายน 2548 - 4 พฤศจิกายน 2548 คือครั้งแรกของการรักษษโดยการให้ คีโม เป็นวันที่ทรมานที่สุดในชีวิต จนไม่อาจจะบรรยายไว้ ณ ที่นี้ ได้ครบถ้วนและเกิดอาการท้อแท้จนกระทั้งขอกลับบ้านเพื่อขอในนอนรอ (ความตาย) อยู่ที่บ้านแต่สามีและลูกบอกเราจะต้องสู้กันอยู่ที่นี่จนโอกาสสุด้าย โดยการรักษาดำเนินไปเรื่อย ๆ จนผ่านไปและร่างกายเริ่มเข้าสภาวะเกือบปกติ แต่ต้องสะบักสบอมไปฝ่าตัดมดลูกเป็นรายการต่อไป เพราะแพทย์วินิจฉัยแล้ว สาเหตุที่ต้องฝ่าตัดมดลูกทิ้งเป็นเพราะโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเมื่อเกร็ดเลือดต่ำจะทำให้มีเลือดออกไม่หยุดและเป็นอุปสรรคในการรักษาสรุปจากการเข้ารักษาคราวนี้ม้วนเดียวจบ (หลายเรื่อง) รวมระยะเวลา 8 เดือน กว่าจะสมบูรณ์
นับแต่วันนั้นมาจนถึงวันนี้เดือน กรกฏาคม 2551 แล้วค่ะดิฉันไปทำงานได้ตามปกติและใช้ชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไป ใครเห็นก็ชมและทักทายว่า ไม่มีร่องรอยของคนเป็น โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว เลยเพราะดิฉันได้กำลังใจจากสามีและลูกพร้อมทั้งญาติเพื่อนฝูง โดยเฉพาะสามีเป็นคนแรกที่ดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีตั้งแต่แรกจนถึงปัจจุบันสามีจะพูดเสมอว่าถ้าสามารถแบ่งความทุกข์หรือรับความเจ็บไปทั้งหมดจากดิฉันทั้งหมดได้เขายินดีที่จะรับไปไว้เอง เราต่อสู้และเคียงข้างกันมาตลอด สามีดิฉันเหนื่อยกว่าดิฉันหลายเท่า
จึงขอให้ผู้ป่วยมีจิตที่แน่วแน่พึงคิดว่าการที่เราเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องของสัจธรรมที่ทุกคนไม่อาจหนีพ้น เมื่อถึงคราวต้อง เจ็บ แก่ ตาย เราต้องมีสติ และยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น จงตั้งมั่นใน “สติ” เหมือนดังดิฉันปฏิบัติอยู่ในขณะนี้ เช่น ฟังเพลง ร่าเริงแจ่มใส ไปช้อปปิ้ง ออกกำลังกาย และทานอาหารที่สะอาดมีประโยชน์ ปฏิบัติธรรมตามสมควร ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่เมื่อเกิดแล้วเราต้องยอมรับ ว่าเราจะอยู่กับเขา(เชลล์มะเร็ง)อย่างไร
พึงคิดเสมอว่าเรา เป็นเพื่อนกันนะอย่าทำร้ายกันนะ ถ้าเราอยู่เธอก็อยู่ แต่ถ้าเราตายเธอก็ตายด้วยนะ ใช้คาถานี้ไว้ และขอฝากข้อคิดไปยังเพื่อน ๆ ที่เผชิญกับโรคร้ายนี้ว่าอย่าท้อแท้ สิ้นหวังจงสู้ต่อไปให้กำลังใจเราว่าต้องหายหากเรามัวแต่ท้อแท้สิ้นหวังทุกข์ระทม คนข้างเคียงเราเขาจะทุกข์กว่าเราหลายเท่า อย่ามองว่าการเป็นโรคนี้แล้วจะต้องเป็นเหมือนคนอื่นทั่ว ๆ ไป ในแต่ละคนไม่เหมือนกันเป็นชนิดของมะเร็งไม่เหมือนกัน ทานยาไม่เหมือนกัน ร่างกายคนไม่เหมือนกัน การดำเนินของโรคในแต่ละคนไม่เหมือนกัน
อีกทั้งปัจจุบันนวัตกรรมในการรักษาก้าวหน้าไปมากแล้ว มียาดี มีแพทย์ที่เก่งให้การรักษาคลอบคลุมจากการทำ CL ยา จึงอยากให้ผู้ที่ป่วยจงต่อสู้เพื่ออยู่ดูความสำเร็จของลูกหลานในอนาคตส่วนจะอยู่นานแค่ไหนสุดก็แท้แต่บุญพาวาสนาส่ง ทำบุญให้มาก ๆ เพื่อจักได้ส่งผลให้เราในภพนี้และภพหน้า ให้ยึดหลักพระธรรมเป็นที่ตั้งมั่นไว้ในใจ จะทำอะไร ปฏิบัติอย่างไรก็ได้ให้ชีวิตวันนี้ดีที่สุดมีความสุขที่สุด เพราะวันข้างหน้าไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
สุดท้ายขอให้ผู้ที่ป่วยทุกท่าน จงรักษาจิตใจ รักษาสุขภาพ และพลานามัยให้มาก เพื่อที่จะต่อสู้กับสิ่งร้าย ๆ นี้ วันชนะยังคงเป็นของเราอยู่
หากมีปัญหาสุขภาพผู้ป่วยมะเร็ง เราคืออีกหนึ่งทางออก ที่จะช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตปกติได้อีกครั้ง ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ โปรดคลิก inbox Facebook ชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็ง
ชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็งแห่งประเทศไทย 213/5 อาคารอโศกทาวเวอร์ ชั้น 6 ถ.สุขุมวิท 21(อโศก) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 1011
Copyright © 2021 www.siamca.com ขอสงวนสิทธิ์ ในการนำรูปภาพ หรือ ข้อความในเว็บไซต์ ไปเผยแพร่ หรือ ทำซ้ำ จะต้องได้รับการอนุญาตก่อนจึงจะกระทำได้