ฝ่าวิกฤติ...มะเร็ง

วันที่ 21-05-2010 | อ่าน : 6187


ฝ่าวิกฤติ...มะเร็ง   
( มะเร็งลำใส้ใหญ่ )
 


โดย  วรรณา ตั้งเจริญจริง
     

         วันแม่ปีนี้คุณแม่อายุ 77 ปี พวกเราลูกๆหลานๆไปหาคุณแม่ที่บ้านแต่เช้าเหมือนทุกปีเช่นเคย พวกเรากราบและกอดคุณแม่ ด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส ร้องเพลง ทานอาหารกันอย่างสนุกสนาน ซึ่งแตกต่างจากวันแม่ปีที่แล้วที่พวกเรากราบคุณแม่ด้วยน้ำตานองหน้ากันทุกคน คุณแม่ก็ร้องไห้และรู้สึกแปลกใจว่าทำไมลูกๆหลานๆร้องไห้กัน

     ก่อนวันแม่ปีที่แล้ว คุณแม่ปวดท้องมาก และอาเจียนตลอดเวลา พวกเราจึงพาคุณแม่ไปหาหมอที่โรงพยาบาล คุณแม่รู้สึกว่าตัวเองผิดปกติเกี่ยวกับท้องซึ่งเป็นมาเกือบ 2-3เดือนแล้วและไปหาหมอหลายครั้ง คุณหมอให้ยามาทานก็รู้สึกดีขึ้น คืนนั้นคุณแม่ปวดท้องมาก คุณหมอได้ตรวจและให้ทานยาก็ดีขึ้น คุณหมอบอกว่าน่าจะส่องกล้องตรวจให้ละเอียดซึ่งคุณแม่เห็นด้วยเพราะคิดว่าตัวเองผิดปกติ 

     หลังจากตรวจแล้วพบว่าลำไส้คาดว่าเป็นมะเร็ง จึงนำชิ้นเนื้อไปตรวจหามะเร็ง ผลปรากฏว่าคุณแม่เป็น “มะเร็งที่ลำไส้ใหญ่” โดยแนะนำให้รีบผ่าตัด ซึ่งพวกเราลูกๆรู้สึกตกใจและกังวลมากเพราะคุณแม่อายุมากแล้ว อีกทั้งเคยได้ยินว่าถ้าเป็นมะเร็งแล้วไม่สามารถรักษาได้ แต่พวกเราก็ไม่ยอมสิ้นหวัง พยายามควบคุมอารมณ์ ตั้งสติเพื่อให้เกิดปัญญา และหารือกัน สุดท้ายตัดสินใจให้คุณแม่ผ่าตัด

     หลังวันแม่พวกเราพาคุณแม่กลับไปโรงพยาบาล และบอกคุณแม่ว่าจะต้องผ่าตัดเพราะลำไส้เป็นแผล หากไม่ผ่าตัดจะกลายเป็นเนื้อร้าย พวกเราตัดสินใจไม่บอกความจริงเพราะเชื่อว่าคุณแม่คงทำใจไม่ได้ และจะกังวลมากซึ่งจะเป็นผลร้ายอย่างยิ่งต่อการรักษา คุณหมอได้ทำการผ่าตัดลำไส้ใหญ่ ซึ่งโชคดีที่ตำแหน่งอยู่ห่างจากทวารหนักทำให้ไม่ต้องขับถ่ายที่หน้าท้อง แต่ก็โชคร้ายที่คุณหมอแจ้งว่าเป็นมะเร็งขั้นที่3 คุณหมอที่รักษาได้แจ้งว่าจะต้องทำคีโม แต่พวกเราคิดว่าคุณแม่อายุมากแล้วร่างกายอาจจะรับไม่ไหว พวกเราคิดว่าชีวิตที่เหลืออยู่อยากให้คุณแม่อยู่อย่างมีความสุข ไม่ทุรนทุราย ไม่เจ็บปวด มีคุณภาพชีวิตที่ดี จึงหารือคุณหมอ คุณหมอได้แนะนำให้ทานยาเคมีบำบัด ยาชื่อ xeloda ซึ่งยานี้เป็นยาเคมีบำบัดในรูปแบบยารับประทานซึ่งออกฤทธิ์และมีผลเฉพาะเจาะจงกว่า ยา xeloda ต้องทานหลังผ่าตัดและร่างกายแข็งแรงแล้ว 

     หลังจากผ่าตัดต้องพักรักษาที่โรงพยาบาลประมาณ 2 อาทิตย์ คุณแม่ไม่มีแรงและไม่สามารถทานอาหารได้ พวกเราก็ยิ่งวิตกกังวลมากว่าหากทานยา xeloda อย่างต่อเนื่องเกรงว่าร่างกายคุณแม่จะทนไม่ไหว

    บังเอิญมีญาติมาเยี่ยมที่โรงพยาบาลได้แนะนำยาน้ำเทียนเซียน พวกเราจึงได้ติดต่อมายังบริษัท เฟยดา เจ้าหน้าที่ และคุณหมอที่บริษัทเฟยดาได้แนะนำให้ทานยาน้ำเทียนเซียน โดยสามารถใช้ควบคู่ไปกับยา Xeloda และขอขอบคุณเจ้าหน้าที่บริษัทเฟยด้าที่ได้กรุณาส่งหนังสือและเอกสารต่างๆของชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็ง เช่น วารสารสยามซีเอ เอกสารเหล่านี้เกี่ยวกับอาการของโรคมะเร็งต่างๆ สรรพคุณของยาน้ำเทียนเซียน การดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็ง และประสพการณ์ต่างๆของผู้ป่วยและผู้ดูแลผู้ป่วย ทำให้พวกเราสะดวกไม่ต้องเสียเวลาหาข้อมูล พวกเราเริ่มศึกษาข้อมูลต่างๆมากมายอย่างจริงจัง หลังจากศึกษาข้อมูลต่างๆแล้วพวกเรามีกำลังใจพร้อมที่จะฝ่าวิกฤติมะเร็งและมีความหวังว่าจะรักษาคุณแม่ให้อาการดีขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดี อีกทั้งตัดสินใจที่จะให้คุณแม่รับประทานยาน้ำเทียนเซียนควบคู่ไปกับยาเคมีบำบัด Xeloda 

     หลังจากผ่าตัดประมาณ 1 เดือน คุณหมอเริ่มให้คุณแม่ทานยา Xeloda ทุกวันๆละ 6 เม็ด ทาน 2 อาทิตย์ เว้น 1 อาทิตย์ ซึ่งต้องทานประมาณ 8 ครั้ง ครั้งแรกที่เริ่มทาน คุณแม่มีอาการร้อนไปทั้งตัว ตัวร้อนมากๆ นอนซม ทานข้าวไม่ได้ พวกเราเป็นห่วงมาก ต้องแอบร้องไห้ และได้โทรกลับไปสอบถามที่โรงพยาบาล พยาบาลได้บอกว่าเป็นผลข้างเคียงของยา Xeloda ให้ดื่มน้ำเยอะๆ แต่คุณแม่ก็ดื่มน้ำได้ไม่เยอะเพราะจะคลื่นไส้ นอกจากอาการดังกล่าวแล้ว ยา Xeloda ยังมีผลข้างเคียง คือ ปากแห้ง คอแห้ง เจ็บปลายมือปลายเท้า อาการท้องร่วง คลื่นไส้ 

     ดิฉันได้โทรไปปรึกษาคุณหมอฉี้ที่บริษัท เฟยดา ได้รับคำแนะนำให้ดื่มน้ำเก็กฮวยไม่ใส่น้ำตาล อาจจะใส่น้ำตาลได้บ้างแต่น้อยๆ ดื่มแล้วจะช่วยลดความร้อน อีกทั้งคุณแม่ทานข้าวได้น้อย น้องชายจึงไปหาซื้อแตงโมมาให้ทาน ซึ่งคุณแม่ชอบทานจึงนำไปทานกับข้าว ครั้งที่ 2 ของการทานยา คุณแม่ยังมีอาการตัวร้อนๆและมีผลข้างเคียงแต่ก็ดีขึ้น และคุณแม่ก็ได้เริ่มทานยาน้ำเทียนเซียน วันละ 40 ซีซี ควบคู่กับยา Xeloda คุณแม่ยังทานข้าวได้น้อย ผอม น้ำหนักลดลง 2 – 3 กิโล 

     พวกเราลูกๆทำงานนอกบ้านทุกคน ดิฉัน พี่สาว น้องชาย ก็มีครอบครัวไม่ได้อยู่กับคุณแม่ ตอนกลางวันคุณแม่อยู่บ้านคนเดียวกับเด็กแม่บ้าน ดังนั้นพวกเราลูกๆต้องช่วยกันดูแลคุณแม่ น้องสาวคนกลางต้องไปทำงานแต่เช้ามืด จึงตื่นแต่เช้ามาอาบน้ำแต่งตัวให้คุณแม่พร้อมทั้งเตรียมยาให้คุณแม่ก่อนไปทำงาน น้องสาวคนเล็กช่วงเช้าจะทำน้ำเต้าหู้จากถั่วเหลืองโดยซื้อเครื่องมาทำเองทุกเช้าเพื่อความสะอาดและปลอดภัย พร้อมทั้งจัดอาหารเช้าและยาให้คุณแม่ทานเสร็จก่อนจะออกไปทำงาน ส่วนช่วงสายๆและบ่ายๆ เด็กแม่บ้านจะปั่นน้ำผลไม้ที่พวกเราจัดหาไว้ เช่น ฝรั่ง แอปเปิ้ล สาลี่ แคลรอล ส้ม ให้คุณแม่ดื่มสลับเปลี่ยนกันไปในแต่ละวันๆละ 2-3 อย่าง รวมถึงทานผลไม้ เช่น มะม่วง สตรอเบอรี มะละกอ มะเขือเทศราชินี ซึ่งผลไม้เหล่านี้มีประโยชน์มากเช่น ฝรั่งเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงที่สุด มะม่วงน้ำดอกไม้เป็นผลไม้ที่มีเบต้าเครอทีนในการต้านอนุมูลอิสระสูงที่สุด แครอทก็มีสารเบต้าแคโรทีนมากที่สุดในบรรดาผักสีส้ม มีวิตามินและแร่ธาตุอื่นอีกหลายชนิด ส่วนมะเขือเทศราชินีก็มีเบต้าเครอทีน วิตามินซี และวิตามินอี เป็นต้น 

     บางวันคุณแม่ไอมากทั้งๆที่ไม่ได้เป็นไข้ น้องสาวได้ซื้อมะขามป้อมไว้ให้คุณแม่อมเวลาคลื่นไส้ คุณแม่ได้นำมาอมและกัดเนื้อเคี้ยวอมเล่นๆก็ทำให้หายไอได้ มะขามป้อมก็เป็นสมุนไพรไทยแก้ไอเช่นกัน 
ส่วนดิฉันมีที่ทำงานอยู่ใกล้บ้านคุณแม่ที่สุด ตอนเที่ยงดิฉันจึงขับรถไปทานข้าวกลางวันกับคุณแม่ทุกวันเพื่อให้คุณแม่มีกำลังใจที่จะต่อสู้ ทำให้ดิฉันได้ทานอาหารที่มีประโยชน์ด้วย 

     ในวันเสาร์และวันอาทิตย์ พี่สาวและครอบครัวได้ไปเยี่ยมดูแลคุณแม่ ส่วนทุกวันอาทิตย์พวกเราลูกๆหลานๆไปเยี่ยมคุณแม่ ทานอาหารร่วมกัน และพูดคุยกันอย่างสนุกสนานทำให้คุณแม่มีความสุขที่ได้อยู่พร้อมหน้ากันทุกอาทิตย์

     การที่พวกเราดูแลปฏิบัติคุณแม่อย่างอบอุ่นทำให้ท่านมีกำลังใจ และอาการดีขึ้น นอกจากนั้นตอนเช้ามืดคุณแม่ก็ไปออกกำลังกายโดยการเดินเหยาะๆ พูดคุยกับเพื่อนๆที่สวน สาธารณะ เหมือนก่อนที่จะป่วยเป็นประจำทุกวัน ได้ทำให้คุณแม่เพลิดเพลินและผ่อนคลายความกังวลได้บ้าง

     คุณแม่ทานยา Xeloda ครั้งที่ 3 ปลายเล็บเท้าเริ่มมีอาการเจ็บและเล็บเริ่มถอด 2-3 เล็บและมีน้ำเหลืองไหล น้องสาวคนกลางจะล้างแผลทุกเช้าเย็น รักษาความสะอาด พยาบาลและดูแลปฎิบัติตามข้อมูลที่ได้ศึกษามา ช่วงนี้คุณหมอที่โรงพยาบาลให้ทานยา Xeloda 2 อาทิตย์ เว้น 2 อาทิตย์เนื่องจากมีผลข้างเคียงมาก เมื่อคุณแม่เริ่มทานยา Xeloda ครั้งที่ 4 เล็บเท้าถอดหมดทุกเล็บมีน้ำเหลืองไหลทุกเล็บ บางครั้งเผลอไปชนอะไรก็จะเจ็บมาก 

     บางวันคุณแม่ก็ไปออกกำลังกายไม่ไหวต้องใส่รองเท้าแตะ เจอเพื่อนบางคนก็จะถามว่าเป็นอะไร คุณแม่ก็บอกว่าแพ้ยาบางคนก็สงสัย ทำให้คุณแม่ก็สงสัยเช่นกัน พวกเราบอกคุณแม่ว่าคุณหมอบอกก่อนแล้วว่าจะมีอาการที่ปลายเล็บมือและเล็บเท้า แต่โชคดีที่เล็บมือไม่มีอาการ ทำให้คุณแม่สามารถทำงานบ้านได้ เช่นทำครัว และหลังจากหยุดยาก็จะหายเป็นปกติ คุณแม่ฟังก็มีกำลังใจดีขึ้น ส่วนตัวดิฉันรู้สึกสงสารและเป็นห่วงมาก จนบางครั้งร้องไห้และอยากให้คุณแม่หยุดยา แต่ลูกๆของดิฉันได้ให้กำลังใจว่า เรามาครึ่งทางแล้ว คุณยายก็ยังแข็งแรง มีกำลังใจดี พร้อมจะสู้ ทำไมพวกเราจะท้อถอยล่ะ ลูกๆทำให้ดิฉันมีกำลังใจ พวกเขาบอกดิฉันว่า พวกเราต้องเข้มแข็งรวมพลังต่อสู้เพื่อคุณยาย ดิฉันดีใจที่สามห่วงโซ่ สายใยของครอบครัวเป็นเกราะกำบังและกำลังใจในการต่อสู้ในยามวิกฤติ

     คุณแม่ทานยาน้ำเทียนเซียนควบคู่ไปกับยา Xeloda และต้องไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาลทุกเดือน ผลการตรวจเลือดดีขึ้นเรื่อยๆ ต่อมา 3 เดือนหลังจากหยุดยา Xeloda แผลเล็บเท้าก็เริ่มแห้ง เล็บเริ่มขึ้น ตอนนี้ปลายเล็บเท้าไม่เจ็บ คุณแม่ก็ยังไปออกกำลังกายทุกเช้า คุณแม่ทานอาหารได้มากขึ้น สุขภาพดีขึ้น อารมณ์แจ่มใส ปัจจุบันยังทานยาน้ำเทียนเซียนอย่างต่อเนื่องและจะทานต่อไป คุณหมอที่โรงพยาบาลยังตรวจติดตามสม่ำเสมอ และแจ้งว่าผลเลือดดีมาก

     ปีนี้วันแม่ครอบครัวเรามีความสุขมาก คุณแม่มีสุขภาพแข็งแรง ทุกคนดีใจมาก ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สายใยของครอบครัวเราเป็นแรงผลักดันให้สามารถฝ่าวิกฤติมะเร็งนี้ไปได้ อีกทั้ง 5 อ ที่สำคัญก็มีส่วนช่วยในการฝ่าวิกฤติเช่นกัน กล่าวคือ อาหาร ที่ถูกหลักโภชนบำบัดสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง ต้องคำนึงถึงความสะอาดเพราะบางครั้งอาจทำให้ท้องเสียได้ง่าย บางครั้งผู้ป่วยมีภาวะเบื่ออาหาร อาจจัดเมนูที่ผู้ป่วยชอบทานแต่ไม่ขัดกับหลักโภชนบำบัด เช่น คุณแม่ชอบทานมะม่วงจึงนำไปทานกับข้าว ทำให้ทานได้มาก ออกำลังกาย คุณแม่ออกกำลังกายเดินเหยาะๆ ที่สวนสาธารณะทุกเช้าอย่างสม่ำเสมอ ทำให้สุขภาพแข็งเรง อนามัย เราต้องดูแลรักษาสุขอนามัย ความสะอาด 

     อารมณ์ คุณแม่ได้ไปคุยกับเพื่อนๆที่สวนสาธารณะทุกวันทำให้อารมณ์ดี แจ่มใส ร่าเริง จิตใจไม่เศร้าหมองไม่เครียด อบอุ่น พวกเราดูแลคุณแม่อย่างอบอุ่นทุกวัน และทุกวันอาทิตย์ลูกๆหลานๆก็มาเยี่ยมคุณแม่ ทานอาหาร พูดคุยอย่างสนุกสนาน ทำให้คุณแม่มีความสุขมาก และต้องขอขอบคุณชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รวบรวมพร้อมทั้งจัดทำหนังสือ วารสารต่างๆ มากมายเกี่ยวกับอาการของโรคมะเร็งต่างๆ สรรพคุณของยาน้ำเทียนเซียน การดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็ง และประสบการณ์ต่างๆของผู้ป่วยและผู้ดูแลผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยและผู้ดูแลผู้ป่วยสามารถเรียนรู้ เข้าใจ และศึกษาพร้อมทั้งนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกวิธี และพวกเราก็อยากแบ่งบันประสบการณ์ ต่างๆ พรัอมทั้งเป็นกำลังใจให้กับผู้ป่วยหรือผู้ดูแลผู้ป่วยในการรักษา ขอให้เข้มแข็ง มีกำลังต่อสู้ หายไวๆ มีสุขภาพแข็งแรง 
 

หากมีปัญหาสุขภาพผู้ป่วยมะเร็ง เราคืออีกหนึ่งทางออก ที่จะช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตปกติได้อีกครั้ง ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ โปรดคลิก inbox Facebook ชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็ง

การรักษาผู้ป่วยมะเร็ง
การดูแลผู้ป่วยมะเร็ง
ตรวจวินิจฉัยมะเร็ง

ชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็งแห่งประเทศไทย 213/5 อาคารอโศกทาวเวอร์ ชั้น 6 ถ.สุขุมวิท 21(อโศก) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 1011

Copyright © 2021 www.siamca.com ขอสงวนสิทธิ์ ในการนำรูปภาพ หรือ ข้อความในเว็บไซต์ ไปเผยแพร่ หรือ ทำซ้ำ จะต้องได้รับการอนุญาตก่อนจึงจะกระทำได้