เคมีบำบัดรักษามะเร็ง ตอนที่ 2
วันที่ 19-03-2012 | อ่าน : 9306
เคมีบำบัดรักษามะเร็ง ตอนที่ 2
ระยะเวลาของการให้ยาเคมีบำบัด
ระยะเวลาของการให้ยาเคมีบำบัดนั้นขึ้นอยู่กับชนิด ระยะของโรคมะเร็งที่เป็น ตำแหน่งของมะเร็ง และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย รวมทั้งการตอบสนองของยาเคมีบำบัดกับผู้ป่วยแต่ละราย บางกรณีผู้ป่วยเป็นโรคชนิดเดียวกัน ตำแหน่งที่เป็นเดียวกัน ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้แนะนำ กำหนดเวลา ตลอดจนการเลือกใช้ยาให้ได้ผลดีที่สุดกับผู้ป่วย แพทย์จะคำนึงถึงประโยชน์ในการรักษาของผู้ป่วยเสมอ โดยปกติยาเคมีบำบัดมักจะให้เป็นชุดแต่ละชุดจะห่างกัน 3 – 4 สัปดาห์ และในเคมีบำบัด 1 ชุดนั้นผู้ป่วยอาจจะได้รับยา 1 วันหรือมากกว่า เช่น 5 วันแล้วพักก่อนที่จะให้ยาชุดต่อไป ในระหว่างที่ให้ยาเคมีบำบัดควรติดตามการรักษาเป็นระยะ โดยมาตรวจตรงตามแพทย์นัดเพื่อการได้รับยาจะได้เป็นไปตามแผนการรักษา เพราะการได้รับยาไม่ครบหรือระยะเวลาไม่ตรงตามที่กำหนดนั้นจะส่งผลเสียต่อการรักษา ดังนั้นถ้ามีเหตุจำเป็นทีต้องเลื่อนระยะเวลาการให้ยาควรปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลก่อนทุกครั้ง
การเตรียมตัวสำหรับผู้ป่วยทำเคมีบำบัด
ด้านร่างกาย
ชีวิตของผู้ป่วยจะเปลี่ยนแปลงไปทันทีหลังจากเริ่มยาเคมีบำบัด เนื่องจากผู้ป่วยจะต้องปรับตัวให้เข้ากับหมายกำหนดการรักษา และสุขภาพของผู้ป่วยอาจจะถูกกระทบกระเทือนจากอาการข้างเคียงของยา แต่ผู้ป่วยสามารถจะผจญกับมันได้ โดยเปลี่ยนแปลงทัศนคติและความประพฤติบางอย่าง สิ่งสำคัญที่ผู้ป่วยควรตระหนักคือ มิใช่มีผู้ป่วยเพียงผู้เดียวเท่านั้น ที่กำลังผจญกับสิ่งเหล่านี้ แต่มีผู้ป่วยโรคมะเร็งอีกหลายๆคน ที่อยู่ในสภาพเดียวกันและได้ต่อสู้กับสถานการณ์เหล่านี้มาแล้วด้วยความเข้มแข็งและเป็นผลสำเร็จ
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เนื้อสัตว์ นม ไข่ ผัก ผลไม้
- ควรพักผ่อนให้เพียงพอ และเพิ่มการนอนพักในตอนกลางวัน 1-2 ชั่วโมงต่อวัน
- ถ้ามีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคที่ต้องได้รับประทานยาเป็นประจำ ต้องแจ้งให้แพทย์ผู้ดูแลทราบ
- ผู้ป่วยควรคุมกำเนิดระหว่างการรักษาด้วยเคมีบำบัด และภายหลังการรักษาประมาณ 2 ปี เนื่องจากยาเคมีบำบัดอาจส่งผลให้ทารกผิดปกติได้ ถ้าต้องมีบุตรควรปรึกษาแพทย์
- หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้กับบุคคลที่มีการติดเชื้อ เช่น เป็นไข้หวัด
ด้านจิตใจ
สุขภาพจิตมีความสำคัญพอๆกับสุขภาพร่างกาย การที่ผู้ป่วยได้สนทนาปรับทุกข์กับเพื่อนที่สนิทสนม เพื่อนผู้ป่วยโรคเดียวกัน และสมาชิกในครอบครัวจะช่วยทุเลาความกังวลได้ ผู้ป่วยอาจจะคุยกับพระ แพทย์ พยาบาล หรือนักจิตวิทยา
- ควรทำอารมณ์และจิตใจให้พร้อมรับการรักษา
- ลดความกลัว ความวิตกกังวล เช่น หางานอดิเรก
- มั่นใจในวิทยาการสมัยใหม่ ซึ่งสามารถลดอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้
- ถ้าท่านรู้สึกไม่สบายใจเกี่ยวกับโรค การดูแลรักษาตนเองควรปรึกษาแพทย์และพยาบาล
- ทำสมาธิลดความเครียด
ข้อควรปฏิบัติตนระหว่างได้รับเคมีบำบัด
- สังเกตอาการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เช่น คลื่นไส้อาเจียน มีไข้ หายใจไม่ออก ซึ่งอาการดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้จากผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัด ควรแจ้งให้แพทย์ พยาบาลทราบ เพื่อจะได้รับความช่วยเหลือที่ถูกต้อง
- ดื่มน้ำมากๆเพื่อช่วยขับสารเคมี ซึ่งอาจตกค้างในไตออกทางปัสสาวะ และให้เก็บปัสสาวะใส่ขวดที่จัดไว้ให้ เพื่อดูความสมดุล ระหว่างน้ำดื่มและจำนวนปัสสาวะ
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และเพิ่มการนอนพักในเวลากลางวันวันละ 2-3 ชั่วโมง
- ระมัดระวังในการขยับแขน บริเวณที่ให้น้ำเกลือ ขณะที่ให้ยาอยู่
- ระวังการเกิดบาดแผล หรืออุบัติเหตุ
- สังเกตผิวหนังบริเวณที่ให้ยาเคมีบำบัด ถ้าพบอาการบวมแดง พอง หรือมีจ้ำเลือด ควรปรึกษาแพทย์ทันที
- ถ้าได้ยาเคมีบำบัดชนิดรับประทาน หลังรับประทานแล้วอาเจียน รีบแจ้งให้แพทย์ทราบ เพื่อพิจารณาการให้ยาซ้ำ การรักษาจะได้ครบถ้วน
- อาหารทุกชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกายสามารถรับประทานได้หมด ยกเว้น ของหมักดอง ของไหม้เกรียม อาหารสุกๆดิบๆ เป็นต้น เน้นรับประทานอาหารที่เป็นโปรตีนจากเนื้อสัตว์ เนื้อหมู เนื้อวัว ตับหมู ผักใบเขียว อาหารที่มีธาตุเหล็กบำรุงโลหิต เพราะยาเคมีมีผลทำให้โลหิตจาง ซีด อ่อนเพลีย
- ขณะรับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด ควรดูแลบริเวณที่ฉีดยาตามคำแนะนำของแพทย์และพยาบาลอย่างเคร่งครัด โดยจะต้องประคบน้ำอุ่นหรือน้ำเย็นบริเวณเส้นที่ฉีดยา ตามชนิดของยาที่ฉีด เพื่อรักษาสภาพเส้นเลือด ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด อาจเกิดอันตรายต่อเนื้อเยื่อข้างเคียงได้
การดูแลผู้ป่วยสำหรับผู้ใกล้ชิด
คนรอบข้างหรือผู้ใกล้ชิดที่ดูแลผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งมีความสำคัญมากในการดำรงชีวิตประจำวันของผู้ป่วย เพราะส่งผลต่อสภาพจิตใจของผู้ป่วย สภาพจิตใจของผู้ป่วยดีคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยก็จะดีขึ้น ข้อแนะนำที่กล่าวต่อไปนี้ผู้ใกล้ชิดท่านไหนที่สนใจนำไปปฏิบัตินั้นก็ควรปฏิบัติต่อผู้ป่วยด้วยความจริงใจ
- ต้องเข้าใจว่าผู้ป่วยนั้นขณะที่รับการรักษาจะมีสภาพจิตใจที่ไม่ดี และในบางคนอาจจะไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติระหว่างที่ทำเคมีบำบัด
- เมื่อสภาพร่างกายของผู้ป่วยเริ่มแข็งแรงเราควรจะต้องให้กำลังใจหรือกระตุ้นให้ผู้ป่วยใช้ชีวิตที่ปกติ
- หยิบยื่นความต้องการขั้นพื้นฐานให้แก่ผู้ป่วย ไม่ควรเข้มงวดหรือเอาใจเกินไปจนเกินไป
- พยายามทำให้ผู้ป่วยเข้าใจว่าเรายินดีรับฟังปัญหาหรือความไม่สบายใจของผู้ป่วย
- ผู้ใกล้ชิดจะต้องเข้าใจว่าผู้ป่วยอยู่ในสภาพที่อารมณ์แปรปรวนอย่างมาก ต้องเตรียมตัวเตรียมใจรับอารมณ์เหล่านี้
- ให้กำลังใจและความหวัง เพราะผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งก็มีโอกาสหายและสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติเหมอนคนทั่วๆ ไป
- การรับประทานอาหารควรจะจัดอาหารหลายประเภทให้ผู้ป่วยได้เลือกรับประทานไม่ควรบังคับให้ผู้ป่วยทานอย่างใดอย่างหนึ่ง (อาหารเหล่านั้นต้องเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยด้วยทั้งหมด)
- พยายามทำให้ผู้ป่วยอารมณ์ดีระหว่างรับประทานอาหารจะทำให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้มากขึ้น
- หากผู้ป่วยไม่สามารถทานอาหารภายใน 2-3 วันหรือไม่สามารถดื่มน้ำได้ใน 1 วัน ควรรีบติดต่อแพทย์ทันที
ขอรับข้อมูลเพิ่มเติมได้ฟรี
คลิกที่นี่ หรือโทร 02-6640078
หากมีปัญหาสุขภาพผู้ป่วยมะเร็ง เราคืออีกหนึ่งทางออก ที่จะช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตปกติได้อีกครั้ง ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ โปรดคลิก inbox Facebook
ชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็ง