• คนที่ดื่มเหล้ามากๆ เป็นเวลานาน จะมีโอกาสเสี่ยงต่อโรคมะเร็งสูงขึ้นกว่าประชากรทั่วไปราว 10 เท่า ซึ่งพบว่า มะเร็งที่พบบ่อยในคนที่ดื่มเหล้า ได้แก่ มะเร็งในช่องปาก มะเร็งหลังโพรงจมูก มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งตับ และมะเร็งตับอ่อน เป็นต้น
• มะเร็งหลังโพรงจมูกมีความสัมพันธ์กับเชื้อชาติ คือ พบมากในประเทศจีนทางตอนใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับประเทศไทย พบว่า อุบัติการณ์ของโรคนี้ในคนเชื้อสายจีนสูงกว่าคนไทย
• ไวรัส Ebsuein – Barr โดยตรวจพบอนุภาคของไวรัสในเซลล์มะเร็ง และตรวจพบภูมิคุ้มกันต่อไวรัสชนิดนี้ในเลือดของผู้ป่วย
อาการและอาการแสดง
มะเร็งหลังโพรงจมูก มักจะนำผู้ป่วยมาพบแพทย์ล่าช้า เนื่องจากมะเร็งอยู่ในตำแหน่งที่มองไม่เห็นจากภายนอก ผู้ป่วยมักจะมาพบแพทย์ในระยะที่อาการของโรคได้ลุกลามไปแล้ว ลักษณะอาการพบได้หลายระบบ เช่น อาการทางจมูก หู เส้นประสาทและตา ต่อมน้ำเหลืองโตพบได้ประมาณร้อยละ 30 ของผู้ป่วย
ส่วนใหญ่ มักพบอาการทั่วๆ ไป ได้แก่ มีเลือดกำเดาหรือเลือดออกในโพรงจมูก หายใจคัดจมูก แน่นจมูก ปวดหรือชาบริเวณฟันและแก้ม บางรายมีก้อนที่คอจากต่อมน้ำเหลืองโต ซึ่งเป็นซึ่งเป็นต่อมน้ำเหลืองที่มีโรคกระจายมา นอกจากนี้ยังพบอาการปวดศีรษะ ปวดหู หูอื้อหรือหูตึง ซึ่งมักเป็นข้างเดียว บางรายอาจมีอาการทางระบบประสาท คือ ตาเข บางครั้งอาจมีลักษณะบวมบริเวณโหนกแก้มหรือจมูก โดยอาจมีอาการเจ็บหรือไม่เจ็บก็ได้
การวินิจฉัย
มะเร็งหลังโพรงจมูก ส่วนมากเป็นเซลล์มะเร็งชนิดที่มีการแพร่กระจายค่อนข้างรวดเร็ว และเนื่องจากมะเร็งอยู่ในตำแหน่งที่มองไม่เห็น การวินิจฉัยจึงมักจะล่าช้า
1) การตรวจร่างกาย แพทย์จะทำการตรวจบริเวณคอและศีรษะอย่างละเอียด โดยจะสำรวจผิวหนังบริเวณใบหน้า จมูก ศีรษะและคอ โดยใช้มือคลำและสำรวจเยื่อบุในโพรงจมูกด้วยกล้องส่องจมูก (Nasal speculum) และส่องหู (Otoscope) บางรายอาจต้องส่องกล้องพิเศษพร้อมตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ
2) การเอกซ์เรย์ และเอกซ์เรย์คอมพิวเตอร์ รวมถึงการตรวจพิเศษอื่นๆ เพื่อให้ทราบรายละเอียดเพิ่มเติม ซึ่งช่วยในการวินิจฉัยโรคว่ามะเร็งมีการแพร่กระจายไปบริเวณอื่นๆ หรือไม่ เช่น กระดูก สมอง หรือตับ
3) การตรวจชิ้นเนื้อทางพยาธิวิทยา เพื่อทราบการวินิจฉัยได้แน่นอน
4) ในปัจจุบัน การตรวจเลือดดูค่า lgG หรือภูมิคุ้มกันต่อไวรัส Ebsuein – Barr จะช่วยในการวินิจฉัย และการติดตามภายหลังการรักษาได้เป็นอย่างดี
ผู้ป่วยมะเร็งหลังโพรงจมูก ส่วนใหญ่จะมาพบแพทย์ด้วยอาการหูอื้อแล้ว นอกจากจะตรวจหูแล้ว จะต้องตรวจ Nasopharynx ทุกราย – ทุกอายุ นอกจากนี้ผู้ป่วยอาจจะมาด้วยอาการอื่นๆ เช่น ต่อมน้ำเหลืองที่คอโต เลือดออกทางจมูก หรือความผิดปกติของเสียงประมาทตา เป็นต้น
อาการหูอื้อ หรือการมีน้ำเหลืองและเลือดไหลออกมาจากรูหูเป็นอาการที่พบได้เสมอในโรคมะเร็ง โดยอาจเป็นมะเร็งของหูชั้นนอก หรือจากมะเร็งของโพรงจมูก การตรวจเพื่อการวินิจฉัยนั้นอาจทำได้ง่ายๆ โดยการตรวจดูในรูหู ซึ่งจะพบก้อน หรือเห็นเป็นแผลเรื้อรัง และมีน้ำเหลืองหรือเลือดไหลในรูหู แต่ถ้าอาการผิดปกติทางหูนั้น เกิดจากการที่ก้อนมะเร็งหลังโพรงจมูกจะตรวจได้ยาก เพราะจะต้องส่องจากในลำคอโดยแพทย์ ซึ่งจะพบก้อนเนื้อกดเบียดรูเปิดของท่อที่ต่อระหว่างหูชั้นกลางกับโพรงจมูก การปรับความดันในหูชั้นกลางจึงเสียไป ทำให้เกิดอาการหูอื้อ และเมื่อเป็นนานๆ จะทำให้เกิดภาวะหูน้ำหนวก มีผลให้การได้ยินเสียไป และหากเยื่อแก้วหูทะลุ จะมีน้ำเหลืองไหลออกจากรูหูได้ ดังนั้นหากมีการหูอื้อนานกว่า 2 สัปดาห์ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจดูหู และในบริเวณหลังโพรงจมูกด้วย
การรักษา
โดยทั่วไปการรักษาหลีกมักใช้วิธีการฉายรังสีที่บริเวณโพรงจมูก และที่ต่อมน้ำเหลือง เนื่องจากมะเร็งบริเวณนี้ทำศัลยกรรมหรือผ่าตัดได้ลำบากมากซึ่งการทำการรักษาด้วยการฉายรังสีนี้จะให้ผลการรักษาที่ดีในระยะแรกๆ ของโรค อาจรักษาให้หายขาดได้ แต่ในระยะลุกลาม อาจมีการใช้เคมีบำบัดร่วมในการรักษาด้วย ทั้งนี้เพื่อลดขนาดของก้อนเนื้อลงก่อนเริ่มการฉายรังสี
รับข้อมูลมะเร็งหลังโพรงจมูกและการดูแลอย่างละเอียดได้ฟรี
คลิกที่นี่ หรือโทร 02-6640078
หากมีปัญหาสุขภาพผู้ป่วยมะเร็ง เราคืออีกหนึ่งทางออก ที่จะช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตปกติได้อีกครั้ง ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ โปรดคลิก inbox Facebook
ชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็ง